ท่าทีของ ซาดิโอ มาเน่ ปีกตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ที่ออกอาการเดือดดาลสุดขีดในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ต้นสังกัดของเขาบุกไปชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นให้คนพูดถึงกัน หลังจากที่ต้นเหตุเป็นเพราะเขาไม่พอใจที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีมคนดังไม่ยอมผ่านบอลให้เขา ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ในมุมที่มีลุ้นต่อการทำประตูมากกว่า
เรื่องดังกล่าวทำให้บางคนถึงขั้นมองกันว่ามันอาจจะทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างทั้งคู่ และส่งผลกับผลงานของ ลิเวอร์พูล ไปด้วย ทั้งที่พวกเขาหวังว่าจะสานต่อผลงานอันยอดเยี่ยมจากฤดูกาลก่อนที่ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการไล่ล่าคว้าแชมป์ในซีซั่นนี้มาครองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะแชมป์ลีก และในศึกชิงถ้วย "บิ๊กเอียร์" ซึ่งที่จริงก่อนหน้านี้มันก็เคยมีข่าวลือเรื่องการผิดใจกันระหว่างทั้งคู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม คนของ ลิเวอร์พูล หลายคน ไม่ว่าจะเป็นทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ออกมาสยบกระแสเรื่องดังกล่าวด้วยการบอกว่ามันเป็นเพียงอารมณ์ร่วมชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะโมโหจนระบายอารมณ์อย่างรุนแรงในบางครั้ง เพราะมนุษย์ทุกคนมีความรู้สึก และคนก็ชอบพูดกันว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างหากหุ่นยนต์ ซึ่งความรู้สึกโมโหมันก็เกิดกับคู่กรณีได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกับศัตรู หรือแม้แต่เพื่อนกัน
สิ่งที่สำคัญก็คือการโยนความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปเวลาที่ต้องทำงาน เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ดีที่สุดเพื่อส่วนรวม ซึ่งถึงแม้รายของ ซาลาห์ กับ มาเน่ จะยังไม่ได้ถึงขั้นเกลียดกัน แต่ในอดีตมันก็มีนักเตะบางคู่ที่จริงๆ ผิดใจกันอย่างหนัก ทว่าก็ยังร่วมงานกันได้อยู่ และในวันนี้เราจะมายกตัวอย่างที่เด็ดๆ 4 คู่กัน
– เคร็ก เบลลามี่ กับ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่
ก่อนลงเล่นเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ประจำฤดูกาล 2006-07 ที่ คัมป์ นู สนามเหย้าของ บาร์เซโลน่า นั้น บรรดานักเตะ ลิเวอร์พูล มาปาร์ตี้กันอย่างร่าเริงตอนกลางคืน และช่วงหนึ่งของราตรีนั้น เบลลามี่ ก็พยายามยุให้ รีเซ่ ร้องเพลงให้ได้
"ฉันไม่ร้องเพลงโว้ย หุบปากของแกไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทุบหัวแกให้เละ" คือคำตอบของ รีเซ่ และด้วยความที่ เบลลามี่ เป็นพวกอารมณ์เดือดง่าย แถมตอนนั้นยังเมาอีกต่างหาก เขาเลยตะโกนสวนกลับไปว่า "ฉันจะตามไปฆ่าแกแน่ ไอ้หัวแดงหน้าตัวเมีย!"
แน่นอน เป็นใครก็คงนึกว่า เบลลามี่ แค่พูดเพราะอารมณ์พาไปเฉยๆ ยิ่งการที่พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน แถมยังเตรียมจะแข่งกับ บาร์เซโลน่า อีก มันก็ทำให้ไม่น่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ในคืนนั้นอดีตแข้งชาวเวลส์กลับหยิบไม้กอล์ฟตรงไปที่ห้องของ รีเซ่ และจะฟาดใส่หน้าแข้งของอดีตแบ็กซ้ายเท้าหนักซะอย่างนั้น โดยตอนนั้น รีเซ่ ไม่ได้ล็อกห้องเพื่อที่ แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ เพื่อนร่วมห้องของเขาจะได้เข้าห้องพักแบบสบายๆ นั่นเอง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า รีเซ่ โมโหสุดๆ แต่ในวันต่อมาพวกเขาก็ยังร่วมงานกันในสนามได้ แถมต่างฝ่ายต่างก็ทำประตูได้จนช่วยให้ ลิเวอร์พูล บุกไปชนะ บาร์เซโลน่า 2-1 ด้วย ก่อนที่ เบลลามี่ จะโดนปล่อยออกจากทีมหลังจบซีซั่นนั้น
– อาร์เยน ร็อบเบน กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ร็อบเบน เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในด้านการเลี้ยงบอลได้ติดเท้า และยิงได้เฉียบขาด โดยเฉพาะการลากตัดจากริมเส้นเข้าตรงกลางแล้วตั้งตัวให้เป็นเส้นตรง พร้อมกับยิงแบบสุดสวยประหนึ่งในวิดีโอเกม
อย่างไรก็ตาม บางครั้งเขาก็ไม่ยอมผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมจนทำให้คนอื่นโมโห เลวานดอฟสกี้ เองก็ได้สัมผัสถึงเรื่องนั้นด้วยตัวเองในตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่กับทีมเมื่อปี 2014 และแข้งชาวโปแลนด์ก็โมโหสุดๆ ที่ ร็อบเบน เห็นแก่ตัวอย่างนี้
ถึงกระนั้น ทั้งคู่ก็ยังเล่นด้วยกันมาเป็นเวลาราว 5 ปี และช่วยให้ บาเยิร์น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ก่อนที่ ร็อบเบน จะตัดสินใจบอกลา "เสือใต้" หลังจบฤดูกาล 2018-19 ปล่อยให้ เลวานดอฟสกี้ ยังล่าตาข่ายให้ยอดทีมแห่งถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ต่อไป
– แอนดี้ โคล กับ เท็ดดี้ เชอริงแฮม
นี่คือเพื่อนร่วมทีมแบบคู่อริที่แฟนบอลชาวไทยคงรู้จักกันดีมากที่สุดคู่หนึ่ง แม้ว่าจะเป็นคนอังกฤษเหมือนกัน แต่ โคล กับ เชอริงแฮม ก็แทบจะไม่อยากมองหน้ากันเวลาอยู่นอกสนามเลย โดยต้นเหตุเป็นเพราะตอนที่ โคล ได้ประเดิมสนามให้ทีมชาติอังกฤษนั้น เขาถูกส่งลงไปเล่นแทน เชอริงแฮม แต่ "น้าหมี" ดันไม่ยอมจับมือด้วย
ถ้าถามว่า โคล เคยเกลียด เชอริงแฮม ขนาดไหน ก็ต้องยกตัวอย่างคำพูดหนึ่งที่เขาถึงขนาดเคยพูดเอาไว้เลยว่า "ผมยอมนั่งกินเค้กคัปปากับ นีล รัดด็อก คนที่หักขาของผมเป็นสองท่อนในปี 1996 ยังดีกว่ามากินเค้กกับ เท็ดดี้ เชอริงแฮม ซะอีก"
ถึงกระนั้น เวลาอยู่ในสนามพร้อมกันทั้งในนามทีมชาติอังกฤษ หรือในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสองคนก็โชว์ความเป็นมืออาชีพด้วยการเล่นร่วมกันเป็นอย่างดี และประสบความสำเร็จอย่างมากกับ "ปีศาจแดง" โดยเฉพาะฤดูกาล 1998-99 ที่พายอดทีมแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นทริปเปิ้ลแชมป์
– โลธ่าร์ มัทเธอุส กับ สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก
"พวกปากมากและขี้แพ้" คือคำนิยามที่ เอฟเฟ่นแบร์ก พูดถึง มัทเธอุส อดีตเพื่อนร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค ของเขา ในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง ถ้าแค่นั้นยังสื่อถึงความเกลียดชังที่ เอฟเฟ่นแบร์ก มีต่ออีกฝ่ายไม่พอแล้วล่ะก็ มันก็มีอีกอันหนึ่งที่เด็ดกว่านั้น เพราะในบทหนึ่งของหนังสือเล่มนั้นมีชื่อบทสุดเก๋ไก๋ว่า "สิ่งที่ โลธ่าร์ มัทเธอุส รู้เกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล" แต่หน้าต่อมากลับเป็นกระดาษเปล่า จนเป็นการสื่อว่า มัทเธอุส ไม่รู้เรื่องฟุตบอลเลยนั่นเอง
ฝั่ง มัทเธอุส เองก็ไม่ได้โดนกระทำฝ่ายเดียว เพราะเขาเคยบอกว่า บาเยิร์น ควรจะขาย เอฟเฟ่นแบร์ก ซะ เพราะอีกฝ่ายไม่เหลือความเก่งกาจใดๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม เวลาที่เล่นด้วยกันนั้น มัทเธอุส กับ เอฟเฟ่นแบร์ก ก็ถือเป็นสุดยอดคู่แผงกลางที่คู่แข่งรายไหนก็เอาชนะได้ยากสุดๆ