หลังจากเหลือแค่ 3 สนามที่จะเอเอฟซี จะเดินทางมาตรวจราววันที่ 20 ก.ย.นี้ ในการจัดศึก เอเอฟซี ยู 23 แชมเปี้ยนชิพ 2020 รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 8-26 ม.ค.63 ประกอบด้วย สนามราชมังคลากีฬาสถาน, สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และสนามกีฬาติณสูลานนท์ จ.สงขลา
โดยมีรายงานออกมาแล้วว่า ในวันจันทร์ที่ 16 ก.ย.นี้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ พร้อมด้วยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะเดินทางไปตรวจสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่จะใช้เป็นสนามเปิด-ปิด เวลา 9.00 น.
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า ถ้าราชมังคลากีฬาสถาน ไม่พร้อมใช้ในการจัดการแข่งขัน ทางฝั่ง เอเอฟซี ที่จะเดินทางมาตรวจความพร้อมในวันที่ 20 ก.ย.นี้ หรือก่อนวันจับสลากแบ่งสายวันที่ 24 ก.ย.62 จะมีการเปลี่ยนเจ้าภาพทันที โดยมี มาเลเซีย เป็นเต็งเสียบแทน และพวกเขาจะได้สิทธิ์ในการผ่านเข้ารอบสุดท้าย ในฐานะเป็นเจ้าภาพโดยอัตโนมัติ แม้จะได้อันดับ 2 ที่ดีที่สุดเป็นที่ 7 จาก 11 กลุ่ม ตาม ออสเตรเลีย, อิหร่าน, ซีเรีย และ ซาอุดิอาระเบีย
หมายความว่า จะทำให้ทีมชาติไทย ที่จะให้ อากิระ นิชิโนะ เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่นคุมทัพไปลุย จะหมดสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ศึก เอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2020 รอบสุดท้าย ทันที่ เพราะว่าเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุดใน 9 ของตาราง
สำหรับทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว จะมีการคัดเอาทีมแชมป์, รองแชมป์ และอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนต์ เป็นตัวของทวีปเอเชีย ไปลุยฟุตบอลชายในศึก "โอลิมปิก 2020" ที่ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 24 ก.ค.63-9 ส.ค.63 ต่อไป และหากเกิดกรณี ญี่ปุ่น เจ้าภาพโอลิมปิก 2020 คว้าแชมป์ หรือรองแชมป์ รวมถึงคว้าอันดับที่ 3 ทีมที่ได้อันดับที่ 4 จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นโอลิมปิก 2020 แทน ตามกติกาโควต้าทวีปเอเชีย จำนวน 3 ทีม หรือ 3+1 (เจ้าภาพญี่ปุ่น)
