ยังไม่จบที่เจมส์!เผย 10 เป้าหมายของ โซลชา ยกเครื่องแมนยู

ไม่มีอะไรต้องสงสัยเลยว่าแผนการของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คือการยกเครื่อง “ปีศาจแดง” ให้เอี่ยมอ่องอรทัยในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่ดึง แดเนี่ยล เจมส์ ปีกดาวรุ่งพุ่งแรงทีมชาติเวลส์ มาเสริมทัพเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายคนที่ “น้าโอเล่” ลิสต์รายชื่อเพื่อเตรียมให้สโมสรดำเนินการกระชากตัวมาเสริมแกร่ง

    หลังจากฤดูกาลที่สุดเลวร้ายของพวกเขาที่ไม่มีความสำเร็จอะไรเลยมาประดับถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แถมยังจบเพียงแค่อันดับ 6 ทำให้ต้องแห้วโควตาลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า นั่นทำให้ โซลชา ต้องทำการบ้านอย่างหนักในการพัฒนาคุณภาพของทีมให้กลับมาอยู่ในระดับมาตรฐานอีกครั้ง

    เพราะหากไม่สามารถทำได้โอกาสที่ "ผีแดง" อาจจะหลุดจากอันดับท็อปโฟร์ในซีซั่น 2019-2020 ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมีโอกาสสูงมากที่สโมสรอาจต้องเสียนักเตะระดับสตาร์อย่าง ปอล ป็อกบา ซึ่งออกมาเปรยชัดเจนว่าต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ และ โรเมลู ลูกากู ที่มีข่าวลือออกมาเป็นระลอกว่าจะย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ โซลชา จำเป็นต้องใช้เสริมเพื่อหานักเตะมาทดแทน

    สำหรับเป้าหมายที่ นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ ต้องการดึงมาเพื่อเป็นการยกเครื่อง แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุค 4.0 ภายใต้การกุมบังเหียนของเขามีประมาณ 10 คนโดยหนึ่งในนั้นก็คือ เจมส์ ที่กระชากตัวมาจาก "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้ สำหรับเป้าหมายในการเสริมทัพที่ โซลชา จำเป็นต้องรีบทำเป็นการด่วนก็คือในตำแหน่งกองหลังซึ่งเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาทีมเสียประตูไปถึง 54 ลูกในเกมพรีเมียร์ลีก

    อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็กขวาคริสตัล พาเลซ ซึ่งมีชื่อต้นๆ ที่ โซลชา อยากได้ตัวมากๆ มีมูลค่าประมาณ 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,050 ล้านบาท) เช่นเดียวกับ โธมัส มูนิเยร์ ฟูลแบ็ก "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ค่าตัวประมาณ 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,230 ล้านบาท) ที่เป็นสองเป้าหมายในตำแหน่งแบ็กขวาที่ โซลชา อยากได้มาเสริมแกร่งมากๆ
 
    ตามด้วยตำแหน่งปราการหลังตัวกลางชื่อแรกที่ โซลชา สะกิดบอร์ดบริหารให้ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมให้ได้ก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เซนเตอร์แบ็ก "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ แต่งานนี้สโมสรคงต้องคิดหนักเนื่องจากต้นสังกัดของนักเตะตั้งราคาประมาณ 90 ล้านปอนด์ (ราว 3,690 ล้านบาท)

    ขณะเดียวกัน มิลาน สคริเนียร์ แนวรับ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ โซลชา ต้องการ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ทีมต้องคิดหนักเนื่องจากค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้ ยอดทีมแห่งถิ่นจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า สูงกว่า 80 ล้านปอนด์ (ราว 3,280 ล้านบาท) เลยทีเดียว

    ในส่วนของตำแหน่งกองกลางอย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้ในย่อหน้าแรกๆ ว่ามีโอกาสที่ ป็อกบา จะเก็บเสื้อผ้าออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้ทีมจำเป็นต้องเสริมแกร่งในแผงมิดฟิลด์ โดยชื่อของ อิวาน ราคิติช ห้องเครื่อง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ที่มีแววจะออกจากถิ่นคัมป์ นู เนื่องจากการมาของ แฟร้งกี้ เดอ ยอง ก็เหมาะสมที่จะมาช่วยปั้นเกมให้ "เร้ด เดวิลส์" แถมราคาก็ไม่แพงประมาณ 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,050 ล้านบาท)

    กระนั้น โซลชา อาจจะเลือกอีกทางที่ประหยัดเงินกว่านั้นก็คือการกระชากตัว เอริก ดายเออร์ มิดฟิลด์พันธุ์ดุ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่มีค่าตัวประมาณ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,640 ล้านบาท) ซึ่งออปชั่นนอกจากจะค่าตัวถูกกว่าแล้ว นักเตะยังคุ้นเคยกับเกมลีกเมืองผู้ดี จึงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก

    อย่างไรก็ตามอาจจะมีเซอร์ไพรส์ในตำแหน่งนี้ก็คือการเล็งกระชากตัว  ฌอน ลองสตาฟฟ์ จาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งเคยถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ไมเคิ่ล คาร์ริค อดีตดาวเตะ "ผีแดง" และทีมชาติอังกฤษ โดยงานนี้หากทีมเอาจริงๆ จะเสียเงินค่าตัวเบาๆ สบายๆ เพียง 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,025 ล้านบาท) เท่านั้น

    สำหรับ โซลชา แน่นอนว่าเขามีสไตล์ที่ชัดเจนนั่นก็คือการเล่นเกมรุกเป็นหลัก และอยากที่จะหานักเตะในตำแหน่งนี้เพื่อมาเติมเต็มแรงปรารถนาในการสร้างทีม และยังเป็นการขู่ผู้เล่นแนวรุกในทีมให้กระตือรือร้นไม่งั้นมีสิทธิ์ได้โดนแย่งตำแหน่งถาวร

    โดยรายแรกในตำแหน่งเกมรุกที่ โซลชา อยากได้ก็คือ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ตัวรุกโอลิมปิก ลียง และแข้ง "โอแอล" อีกรายก็คือ มุสซ่า เดมเบเล่ ซึ่งทั้งสสองคนมีค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านปอนด์ (ราว 2,870 ล้านบาท) กับ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,640 ล้านบาท) ตามลำดับ

    ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด จับจ้องอีกหนึ่งโกลเด้นบอลแห่งวงการลูกอย่างอย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ ดาวรุ่งพุ่งแรงจาก เบนฟิก้า ซึ่งนักเตะคนนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็สนใจเช่นกัน แต่ปัญหาเดียวที่ทำให้ "ผีแดง" ต้องคิดหนักก็คือค่าตัวของนักเตะที่มหาศาลถึง 105 ล้านปอนด์ (ราว 4,305 ล้านบาท)

     กระนั้นในเวลานี้นอกจาก เจมส์ แล้วเป้าหมายทั้งหมดที่ โซลชา ต้องการดึงตัวเพื่อเข้ามาเสริมแกร่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถคว้าตัวมาร่วมทีมได้ทั้งหมดกี่คน แต่แน่นอนว่าหากทีมสามารถทำได้ตามแผนที่วางเอาไว้ งานนี้ แมนฯ ยูฯ มีโอกาสกลับมาผงาดอีกครั้ง