เป็นที่ทราบกันดีว่า ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา มีเกมรับที่สุดแข็งแกร่ง และการที่ทีมเล่นได้แบบนี้เพราะ “หงส์แดง” ได้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เป็นแกนหลักในการคุมแนวรับของทีม อย่างไรก็ตามตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีเรื่องที่ต้องขบคิดว่า “ใคร” จะเป็นคู่หูที่จะมายืนร่วมกับ ดาวเตะดัตช์ แบบถาวร

     ช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น "หงส์แดง" แพ้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์  และ เซบีย่า แสดงให้เห็นว่า แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลล่าสุด ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขหลายอย่างโดยเฉพาะเกมรับ เพราะถึงทีมจะมี ฟาน ไดค์ แต่เขาไม่สามารถแบกความรับผิดชอบได้ตลอด ฉะนั้นจึงต้องมีคู่หูรู้ใจเพื่อแบ่งเบาภาระ

    สำหรับตอนนี้ คล็อปป์ มีตัวเลือกที่เด่นชัดอยู่แล้ว 3 คนก็คือ โฌแอล มาติป, โจ โกเมซ และ เดยัน ลอฟเรน โดยทั้งสามคนนี้ต้องพยายามงัดฟอร์มเก่งออกมาให้มากที่สุดเพื่อทำให้ กุนซือชาวเยอรมัน ตัดสินใจจับลงยืนเป็นหอคอยคู่เซนเตอร์แบ็ก "หงส์แดง" ในฤดูกาลนี้ 

โฌแอล มาติป 

    ช่วงต้นฤดูกาล 2018-19 อดีตกองหลังทีมชาติแคเมอรูน เป็นเซนเตอร์แบ็กตัวเลือกอันดับ 4 ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ 

    มาติป ได้ลงเล่นแค่ 3 เกมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพียงแค่ 3 เกมเท่านั้นก่อนช่วงคริสต์มาส แต่ด้วยเหมือนฟ้าประทานหรือนรกอวยชัย เมื่อ โจ โกเมซ ดวงแตกได้รับบาดเจ็บหนัก ขณะที่ เดยัน ลอฟเรน ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันทำให้เขาได้รับโอกาสทองฝังเพชร และงานนี้เจ้าตัวก็คว้ามันเอาไว้ด้วยสองมือแบบแน่นไม่ให้หลุดมือเลยทีเดียว

    ก่อนหน้านี้ กองหลังชาวแคเมอรูน ต้องเจอกับสถานการณ์สุดหินในการเรียกความมั่นใจในการเล่นนับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ 2016 แบบไม่มีค่าตัวจาก "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ 04 อย่างไรก็ตามนักเตะพยายามพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสม

    ในเรื่องของความเชื่อมั่น และการเป็นผู้นำนั้น มาติป ค่อนข้างต่างกับ ฟาน ไดค์ เพราะ อดีตดาวเตะ ชาลเก้ มันจะมีอาการประหม่า และตัดสินใจไม่ค่อยเด็ดขาด รวมทั้งมักจะมีฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวา อย่างไรก็ตามผลงานของเขามักจะดีขึ้นเมื่อมี ปราการเหล็กเลือดัตช์อยู่เคียงข้าง 

    อย่างไรก็ตามหาก โกเมซ กับ ลอฟเรน กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้วละก็ งานนี้ มาติป ก็น่าจะยังคงได้รับโอกาสจาก นายใหญ่ชาวด๊อยท์ช ในการเลือกลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงต่อไป เหตุผลสำคัญเพราะผลงานของเขาทำให้ คล็อปป์ รู้สึกไว้วางใจมากขึ้น

    ดูได้จากผลงานที่สุดยอดในการช่วย "เดอะ เร้ดส์" คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเฉพาะในเกมรอบรองชนะเลิศที่ปะทะกับ บาร์เซโลน่า และในเกมนัดชิงกับ สเปอร์ส ตอนนี้ กองหลังวัย 27 ปี เป็นนักเตะสำคัญมากๆ ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2019-20 

    ส่วนจะดีพอที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงของ คล็อปป์ หรือเปล่า ? เรื่องนี้เจ้านายของนักเตะคงเป็นคนให้คำตอบเอง 

โจ โกเมซ

    การลงเล่นแค่ 2 เกมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ มาร์ติน คีโอว์น ตำนานกองหลังอาร์เซน่อล ทำนายว่า โกเมซ กับ ฟาน ไดค์ เป็นหนึ่งในคู่หูเกมรับที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ลีก 

    จากผลงานของ โกเมซ แสดงให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลม ไหวพริบดีในการเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล และดูมีอนาคตกับ "หงส์แดง" มากๆ ที่สำคัญเกมรับของทีมถือเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้พวกเขามีลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อซีซั่น 2018-19

    อย่างไรก็ตามคู่หูที่ดูมีอนาคตต้องมาพบกับความโชคร้ายเมื่ออาการบาดเจ็บทำให้ กองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษ ต้องพลาดพัฒนาความสัมพันธ์ในการเล่นร่วมกับ ฟาน ไดค์ ไปอย่างน่าเสียดาย โดยในตอนนี้เขาได้เล่นร่วมกับ อดีตแนวรับ เซาธ์แฮมป์ตัน 9 แมตช์ก่อนบาดเจ็บหนักในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา พร้อมผลงานเยี่ยมปล่อยคู่แข่งเข้าไปทำประตูได้แค่ 4 ลูกเท่านั้น

    หลังพักฟื้นร่างกายจนฟิตสมูบรณ์แล้ว โกเมซ กลับมาลงสนามให้ทีมเมื่อเดือนเมษายน แต่ก็ได้ลงเล่นตัวจริงเพียงเกมเดียวเท่านั้น  อย่างไรก็ตามในช่วงปรีซีซั่นเขาพร้อมเต็มสูบแล้ว และ คล็อปป์ หวังว่า โกเมซ จะเรียกฟอร์มเก่งจนทำให้เขาได้รับเลือกลงตัวจริงแบบอัตโนมัติในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น

    จริงๆ แล้ว โกเมซ เข้ากันได้อย่างลงตัวกับ ฟาน ไดค์มากๆ เขาช่วยพัฒนาเกมรับของ "เดอะ เร้ดส์" และหากนักเตะยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าคงยากที่จะมีอะไรมาขวางกันไม่ให้ คล็อปป์ เลือกเขาลง 11 ตัวจริง ดังนั้น ดาวเตะวัย 22 ปี มีอนาคตสดใสในถิ่นแอนฟิลด์ 

เดยัน ลอฟเรน  

    หลังจากเป็นเพียงแค่พระรองในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2017-18 และรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ต้องยอมรับว่า ลอฟเรน ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ผิดหวังสุดหัวใจภายในเวลา 12 เดือน 

    ยิ่งไปกว่านั้น ดาวเตะชาวโครเอเชีย เคยเป็นตัวเลือกแรกในฤดูกาล 2017-18 แต่ต้องกลายเป็นยางอะไหล่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แถมยังดวงแตกอีกรอบเมื่อได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ ลอฟเรน หายจากอาการบาดเจ็บแล้ว และกลับมาร่วมทัพในช่วงออกทัวร์อุ่นเครื่องปรีซีซั่น

    ปราการหลังวัย 30 ปี เสียตำแหน่งของเขาเนื่องจากฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวา โดยได้ลงสนามเพียงแค่ 18 เกมเท่านั้นตลอดทั้งฤดูกาล แถมยังต้องเจอกับ 2 คู่แข่งสุดแกร่งอย่าง มาติป และ โกเมซ ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นตัวเลือกอันดับ 4 ไปโดยปริยาย

    สำหรับตอนนี้ ลอฟเรน ซึ่งได้รับความสนใจจาก "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์นี้ เหลือสัญญาอยู่กับทีม 2 ปี และนี่น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว ที่สำคัญการที่ "เดอะ เร้ดส์" ดึง เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก วัย 17 ปีมาร่วมทีม รวมทั้ง คี-ยานา ฮูแฟร์  เด็กปั้นของทีมที่กำลังโชว์ผลงานได้เยี่ยม งานนี้ ลอฟเรน คงเสียวสันหลังว่าอาจจะไม่มีที่ยืนแน่นอน