แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเปิดฤดูกาลได้อย่างสุดยอด ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ก็ถือว่าโชว์ฟอร์มได้เลิศหรูไม่ต่างกัน ขณะที่ทีมในกลุ่มท็อปซิกซ์อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างก็เล่นได้อย่างโดดเด่นและคว้า 3 แต้มสำคัญมาได้ เว้นแต่ เชลซี ที่แพ้ยับ “ปีศาจแดง”
ขณะที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด รอดจากการพ่ายแพ้เมื่อไล่ตีเสมอ บอร์นมัธ ในช่วงท้ายเกม ในส่วนของ แอนดี้ แคร์โรลล์ การกลับมาสู่บ้านเก่าในนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แม้จะยังไม่ได้ลงเล่น แต่ก็เข้าไปชมเกมของ "สาลิกาดง" แม้สุดท้ายทีมจะไม่ได้แต้มในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค ก็ตาม
1. เคน เริ่มต้นโดดเด่น
แม้ว่า แฮร์รี่ เคน จะโดนวิจารณ์พอสมควรจากฟอร์มการเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยแฟนบอล "ไก่เดือยทอง" เชื่อว่าผลงานที่ไม่ค่อยโสภาของนักเตะน่าจะมาจากอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าในช่วงท้ายซีซั่น
อย่างไรก็ตาม เคน ลงเล่นตัวจริงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์แต่สภาพความฟิตต้องบอกว่าสุดยอด โดย หัวหอกทีมชาติอังกฤษ เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมสอย แอสตัน วิลล่า 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับส่งบอลซุกก้นตาข่าย 2 ประตูทำให้ต้นสังกัดเก็บ 3 คะแนนสำคัญ
เคน อาจจะต้องผิดหวังเมื่อช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา แต่กัปตันทีมชาติอังกฤษ ดูเหมือนว่าเขาจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย และคาดว่าจะกลับมาเป็นเครื่องจักรถล่มประตูในซีซั่นนี้อย่างแน่นอน
2. แคร์โรลล์รีเทิร์นบรรยากาศคุ้นเคย
แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้กลับมายังถิ่นไทน์ไซด์ในฐานะนักเตะนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยเจ้าตัวได้เข้ามานั่งชมทัพ "สาลิกาดง" อยู่บนอัฒจันทร์ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ในเกมพรีเมียร์ลีก ปะทะ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ดาวยิงผมหางม้า ซัดไป 33 ประตูจากการเล่น 91 เกมหลังจากที่พุ่งทะลุขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ยังวัยละอ่อน ทำให้เขากลายเป็นหัวหอกที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในแถบอีสานบ้านเฮา ปัจจุบัน คาร์โรลล์ อายุ 30 กะรัตแล้ว และเคยผ่านประสบการณ์ในการค้าแข้งให้กับทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษ เข้ามาในสนามพร้อมกับสวมหมวกที่มีคำว่า "ICON" แต่การชมผลงานของเพื่อนร่วมสังกัดในครั้งนี้ต้องผิดหวัง เมื่อทีมแพ้ด้วยสกอร์ 0-1 กระนั้นหาก แคร์โรลล์ สามารถระเบิดฟอร์มซัดประตูได้เหมือนสมัยฮอตๆ ก็โอกาส "สาลกาดง" จะอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด
3. "เร้ด อาร์มี่" ยังคงแอนดี้ตระกูลเกลเซอร์ไม่เลิก
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการบริหารงานของครอบครัวเกลเซอร์ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ถูกจริตของแฟนบอล "ผีแดง" แถมการที่ไม่ค่อยลงทุนซื้อนักเตะใหม่มาเสริมแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้สาวกพันธุ์แท้ของทีมไม่ปลื้มเพิ่มเข้าไปเป็นทวีคูณ
แม้ในช่วงซัมเมอร์นี้ตระกูลอภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ลงทุนหลายร้อยล้านปอนด์ในการกระชาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อารอน วาน-บิสซาก้า และ แดเนี่ยล เจมส์ มาเสริมแกร่ง แต่แฟนบอล "เร้ด เดวิลส์" ยังมองว่าทีมลงทุนน้อยเกินไปเพราะเป้าหมายที่อยากได้อย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ และ เปาโล ดีบาล่า ทีมกินแห้วเรียบวุธ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนบอลแมนฯ ยูฯ บางส่วนถึงได้ลงขันจ้างเครื่องบินพร้อมกับติดป้ายประท้วง "#Glazersout" อยู่เหนือสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนเกมพบ เชลซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่บทสรุป "ผีแดง" ถล่ม "สิงห์บลูส์" งานนี้กระแสยี้ "ตระกูลเกลเซอร์ ก็เลยเบาบางไปโดยปริยาย
4. ไวล์เดอร์ ยึดมั่นปรัชญาของตัวเอง
ส่วนใหญ่แล้วบรรดาทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นมักจะยึดแนวทางการเล่นในแบบปลอดภัยไวก่อน พยายามเล่นเกมตั้งรับ และรอจังหวะสวนกลับ แต่ขอบอกว่าสไตล์การเล่นแบบนั้นไม่มีอยู่ในมันสมองของ คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีม "ดาบคู่" เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
นายใหญ่เชฟฯ ยูไนเต็ด ประกาศก้องให้โลกรู้ถึงควาทระนงว่าจะขอยึดติดกับสไตล์การเล่นเกมรุกที่ทำพวกเขาได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก แน่นอนว่าการใช้แนวทางการเล่นในแบบที่ตัวเองถนัดมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมเสมอ บอร์นมัธ 1-1 คว้า 1 แต้มสำคัญย่างยอดเยี่ยม
5. อีริคเซ่น พิสูจน์คุณค่าของตัวเองกับ สเปอร์ส
สิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็คือการได้เห็นนักเตะใหม่ลงโลดแล่นในถิ่นท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม รวมไปถึงความสำเร็จของทีมในการรั้งนักเตะสำคัญให้อยู่ค้าแข้งในทัพ "ไก่เดือยทอง" ต่อไปซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ คริสเตียน อีริคเซ่น
จอมทัพทีมชาติเดนมาร์ก ตกเป็นข่าวว่าจะย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องโอละพ่อเพราะนักเตะยังคงสวมชุด "น้องไก่" ต่อไป แม้ว่าในแมตช์ล่าสุดที่สอย แอสตัน วิลล่า นักเตะจะเริ่มต้นด้วยการนั่งอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรอง แต่แค่นี้ก็แสดงให้เห็นว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยังคงต้องการเขาอยู่กับทีมต่อไป
เกมนี้ สเปอร์ส ตกเป็นรองผู้มาเยือน 0-1 แต่หลังจากที่ อีริคเซ่น ถูกส่งลงสนามในครึ่งหลัก เขาโชว์ทักษะชั้นยอดพร้อมกับสร้างสรรค์โอกาสให้กับทีมจนสุดท้ายก็พลิกกลับมาชนะด้วยสกอร์ 3-1
6. แนวรับแมนยูยุคใหม่
โซลชา อ้อนบอร์ดบริหารทุ่มเงินมหาศาลซื้อสองแนวรับในช่วงซัมเมอร์นี้ และทั้งคู่ก็ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงให้กับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล พบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี
อารอน วาน-บิสซาก้า ค่าตัว 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,710 ล้านบาท) มาจาก "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ ขณะที่ทีมทุ่มยับไม่เกรงใจเงินในคลังถึง 80 ล้านปอนด์ (ราว 3,040 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งมาจาก "เดอะ ฟ็อกซ์" เลสเตอร์ ซิตี้
สำหรับแบ็กขวาดาวรุ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถทั้งการเล่นเกมรุก และรับ โดยเฉพาะการรับมือกับ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ได้อยู่หมัด ขณะที่ แม็กไกวร์ รายนี้ไม่ต้องพูดถึงผลงานยอดเยี่ยมกระเทียมดองจนกลายเป็นหัวใจหลักแนวรับ "ผีแดง" เรียบร้อย ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยทำไมถึงได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมถล่ม เชลซี
7. เดอะ กันเนอร์ส โชว์ของ
อูไน เอเมรี่ นำ อาร์เซน่อล ที่ยังไม่ฟูลทีมบุกเยือนถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค โดยงานนี้บรรดาเกจิลูกหนังเชื่อว่า "ไอ้ปืนใหญ่" อาจจมีสิทธิ์ออกจากสนามด้วยภาพน้ำตาตก และหากไม่เลวร้ายนักก็คือการแบ่งแต้มกับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
สำหรับผู้มาเยือนไม่ได้ส่งนักเตะใหม่ลงตัวจริงทั้ง ดาวิด ลุยซ์, ดานี่ เซบายอส, นิโกล่าส์ เปเป้ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ขณะที่ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์, คีแรน เทียร์นี่ย์ และ ร็อบ โฮลดิ้ง ไม่ได้ลงสนามในแมตช์ดังกล่าว แต่กระนั้นแท็กติคของ เอเมรี่ ยังเอาอยู่
นอกจากนี้การขาดตัวหลักไปก็ไม่ได้มีผลกับเกมรุกของทีม เพราะ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง โชว์ความสุดยอดซัดประตูปลดล็อกให้ทีมได้อย่างงดงาม อย่างไรก็ตามหาก อาร์เซน่อล มีขุมกำลังตัวหลักที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้ลงเล่นแบบฟูลทีมงานนี้แฟนบอล "เดอะ กันเนอร์ส" คงจะได้เห็นทีเด็ดมากกว่านี้
8. แมนฯซิตี้โชว์หรู
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มต้นซีซั่นได้อย่างสุดยอด พวกเขาโชว์ให้เห็นระดับการเล่นที่สมบูรณ์แบบ ที่สำคัญหัวหอกอย่าง กาเบรียล เชซุส ยิง 1 ประตู ขณะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ตะบันแฮตทริก และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ช่วยบวกให้กับต้นสังกัดอีก 1 ประตู เบ็ดเสร็จถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5-0
นอกจากนี้ฟอร์มที่โดดเด่นของ "เรือใบสีฟ้า" แล้วยังมีเรื่องของเทคโนโลยี "วีเออาร์" ที่จัดว่าเด่นไม่แพ้ฟอร์มของ แมนฯ ซิตี้ โดยจังหวะแรกมาจากตอนที่แชมป์เก่านำ 2-0 และเกือบนำห่าง 3-0 เมื่อ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปเปิดบอลให้ เชซุส ทำประตู แต่ท่านเปาเช็คภาพย้อนแล้วแล้วเห็นชัดว่า ดาวเตะเลือดผู้ดี ล้ำหน้าประมาณหัวไหล่ ก็เลยแห้วประตู
ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะยังมีการใช้วีเออาร์ในจังหวะที่ สเตอร์ลิง ซัดประตูให้ทีมขึ้นนำ 3-0 โดยจังหวะนี้ มีการเรียกดูวีเออาร์ด้วยว่า สเตอร์ลิ่ง ล้ำหน้าหรือไม่ แต่สุดท้าย ผู้ตัดสินก็ให้เป็นประตู ตบท้ายในช่วงนาทีที่ 83 แมนฯ ซิตี้ ได้จุดโทษ และ "กุน" สังหารติดเซฟ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ อย่างไรก็ตาม วีเออาร์ ให้ยิงใหม่ เนื่องจากมีนักเตะเจ้าบ้านวิ่งเข้ากรอบเขตโทษก่อน คราวนี้หัวหอกเลือดอาร์เจนไตน์ ไม่พลาดส่องให้ทีมนำขาด 4-0
9. อลีสซง เริ่มต้นไม่ดี
สถานการณ์น่าเป็นห่วงของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้คงหนีไม่พ้นการขาดหายไปของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บน่องในแมตช์เปิดซีซั่นเมื่อวันศุกร์ โดย เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า โกลชาวบราซิเลียน หมดสิทธิ์เฝ้าเสา 2-3 สัปดาห์ ฉะนั้นในเกมปะทะ เชลซี วันพุธนี้ สาวก "เดอะ ค็อป" ได้แต่นั่งเศร้าที่ไม่ได้เห็นหน้าเคราดกหนุ่มหมีของ "เทพธอร์"
ด้วยเหตุฉุกเฉินแบบนี้ทำให้ อาเดรียน ที่เพิ่งย้ายมาจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้ ได้ส้มหล่นเข่งโตลงเฝ้าเสาเฉยเลย แน่นอนว่าแฟนบอล "หงส์แดง" คงใจหายใจคว่ำที่จะไม่มี อลีสซง ทำหน้าที่สำคัญบริเวณหน้าประตู แต่กระนั้น อาเดรียน ก็ไม่ใช่โกลโนเนมเพราะมีประสบการณ์โชกโชนในการเล่นระดับสูงพอสมควร
สำหรับตอนนี้สิ่งที่สาวก "เดอะ ค็อป" อยากรู้ที่สุดก็คือ อลีสซง ต้องพักนานแค่ไหน และในอนาคตจะมีโกลมือดีเข้ามาเสริมทัพหรือไม่ เพราะล่าสุด ลิเวอร์พูล แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการดึง แอนดี้ โลเนอร์แกน ผู้รักษาประตูฟรีเอเจนต์ มาร่วมทีมเป็นเวลา 1 ปี
10. แฟนพาเลซยินดีต้อนรับ ซาฮา กลับสู่ตัวจริง
วิลฟรีด ซาฮา มีข่าวว่าต้องการย้ายหนี คริสตัล พาเลซ ช่วงซัมเมอร์นี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ย้ายดั่งที่ใจปรารถนา อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าตัวกลับมาสวมชุดให้กับ "ดิ อีเกิ้ลส์" ก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง เมื่อเจ้าตัวแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ
เกมรับมือ เอฟเวอร์ตัน ในนัดเปิดซีซั่น พวกเขาทำได้เพียงเสมอแบบไร้สกอร์ และ ซาฮา ก็เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรอง ก่อนจะถูกส่งมาเล่นในช่วง 25 นาทีสุดท้าย แม้นักเตะผิดหวังที่ไม่ได้ย้ายทีม แต่เขาก็ยังคงทุ่มเทเต็มที่ให้กับต้นสังกัดเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฟอร์มของ ดาวเตะชาวไอวอรี่โคสต์ โดดเด่นเป็นสง่ามากๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเป็นที่รักของบรรดาแฟนบอล พาเลซ อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะได้ลงเล่นตัวจริงในเกมสุดสัปดาห์หน้าหรือไม่ แต่ไม่มีอะไรในเรื่องความทุ่มเทของนักเตะอย่างแน่นอน