เชื่อว่าแฟนแมนฯยูไนเต็ดคงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับผลงานของทีมในตอนนี้ซึ่งผ่านมา 4 นัดเก็บได้แค่ 5 แต้มเท่านั้น ความกดดันจึงถาโถมเข้ามาที่กุนซืออย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อย่างไรก็ตามเขายังมั่นใจนแนวทางการสร้างทีมของตนเองและเชื่อว่าพวกเขาเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่ง แกร์รี่ เนวิลล์ ตำนานผีแดงก็ขอออกโรงมาสนับสนุนอดีตเพื่อนร่วมทีมคนนี้โดยให้เหตุผลไว้น่าสนใจทีเดียว
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้สัมภาษณ์หลังเกมเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน โดยมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นให้พูดถึงกันมากนั่นคือ
"3 เกมที่ผ่านมาเราเล่นได้เหนือกว่าคู่แข่ง พวกเรารู่ว่าเรากำลังมาถูกทางแล้ว เรากำลังทำความคุ้นเคยกับแนวทางการเล่นแบบนี้" โซลชา กล่าว
เป็นสิ่งที่น่าคิดเหลือเกินว่าปีศาจแดงมาถูกทางจริงหรือไม่? เชื่อว่าแฟนผีตอนนี้เสียงแตกออกเป็นสองเสียง อย่างไรก็ตาม แกร์รี่ เนวิลล์ ตำนานผีแดงก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อชื่อดังอย่าง สกายสปอร์ต และได้อธิบายว่าทำไมต้นสังกัดเก่าของเขาถึงกำลังมาถูกทางภายใต้การนำของ โซลชา รวมถึงทำไมกุนซือคนนี้ต้องการเวลาในการพาผีแดงกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยสรุปบทสัมภาษณ์ของ เนวิลล์ แบ่งมาเป็น 4 ข้อหลักๆดังนี้
1."แมนฯยูไนเต็ด มาถูกทาง!"
เมื่อคุณมีนักเตะพลังหนุ่มเหมือนที่แมนฯยูไนเต็ดมีตอนนี้ นักเตะหลายคนกำลังพัฒนาและพยายามปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอด ผมคิดว่าพวกเขาคงได้บทเรียนจากเกม วูล์ฟแฮมป์ตัน และเซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งความจริงพวกเขาเล่นได้ดีในระดับหนึ่งด้วยซ้ำ ผมคิดว่าพวกเขาทำผลงานโอเคในเกมกับทีม นักบุญ แต่พวกเขายังขาดคุณสมบัติสำคัญที่จะพาให้ทีมคว้าชัยในเกมนั้น
ผมเชื่อว่าแฟนผีแดงกำลังสับสนและกังวลใจเป็นอย่างมากกับทิศทางของสโมสรที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แฟนบอลยังนึกถึงความสำเร็จภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ตอนนี้มันผ่านมา 6-7 ปีแล้ว พวกเขากังวลว่าการสร้างทีมครั้งนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่
ผมคิดว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว เพราะว่าสิ่งแรกที่แมนฯยูไนเต็ดควรจะทำคือพวกเขาต้องมีนักเตะที่อยากอยู่ในห้องแต่งตัวตรงนั้น เราต้องลืมพรสวรรค์ของพวกเขาไปทั้งหมด และต้องการนักเตะที่มีใจเพื่อสโมสรจริงๆ
2."โอเล่กำลังวางแผนระยะยาว"
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ย้ายมาจาก อเบอร์ดีน ในปี 1986 เขากำจัดนักเตะที่เก่งกาจบางคนออกจากทีมและพยายามเปลี่ยนวัฒนธรรมในห้องแต่งตัว เขามีเวลานานในการทำแบบนี้ ลองดูนักเตะอย่าง นอร์แมน ไวท์ไซด์ หรือพอล แม็คกรัธ ที่ถูกขายออกจากทีมสิ (ทั้งสองมีพฤติกรรมนอกสนามที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื่มเหล้าและปาร์ตี้อย่างหนัก)
โซลชากำลังวางแผนในระยะยาวเช่นกัน ซึ่งแผนนี้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหารอย่างเต็มที่ เขาจะต้องเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในอีกสองหรือสามฤดูกาล เพื่อให้ได้ซื้อขายในตลาดนักเตะ 4-5 ครั้งตามที่เขาต้องการ ไม่ใช่แค่ทีมจะได้นักเตะที่มีเป้าหมายเดียวกันในห้องแต่งตัว แต่ยังมีคุณภาพควบคู่กันไปด้วย
3."โซลชาต้องการเวลา"
มันต้องใช้เวลาเพื่อให้หลายอย่างมันเข้าที่เหมือนกับสิ่งที่ เป๊ป ทำกับ แมนฯซิตี้ หรือสิ่งที่ คล็อปป์ ทำกับ ลิเวอร์พูล เป็นต้น กวาร์ดิโอล่า ใช้เวลาแค่ 12 เดือน และผ่านมาแค่ 3 ตลาดนักเตะเพราะว่าเขามีขุมกำลังที่ดีอยู่แล้ว ส่วน คล็อปป์ ใช้เวลา 3-4 ปีเพื่อปรับเปลี่ยนหลายอย่างในห้องแต่งตัวรวมถึงให้นักเตะปรับตัวตามแผนการเล่นของเขา
โซลชา ต้องทำงานหนักเหมือนกับ คล็อปป์ ที่สร้างทีมหงส์แดง ในความเห็นของผม นี่จะเป็นแผนการที่ยาวนานใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด และคงจะมีช่วงที่หลายคนกังวลเป็นแน่แท้
ในระหว่างทางมันอาจจะเจอผลการแข่งขันแบบนัด เซาธ์แฮมป์ตัน, วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือคริสตัล พาเลซ แต่เมื่อคุณมองดูทีมแล้วองค์ประกอบหลายอย่างมันถูกต้อง พวกเขามีแนวทางการเล่นที่ถูกวิธี คุณจะเห็น ดาเนียล เจมส์ ยิงประตูและคุณเห็นแนวทางที่พวกเขาพยายามจะเล่น แก่นมันอยู่ตรงนั้นแล้วแต่มันยังมีระยะทางอีกยาวไกล และมันอาจจะล้มลุกคลุกคลานระหว่างทาง
4."บอร์ดแมนยูต้องยืนหยัด"
สิ่งที่ โอเล่ ทำผมเชื่อว่ามันก็เหมือนกับที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำอยู่ตอนนี้ เรากำลังเห็น แลมพาร์ด พยายามเปลี่ยนแปลงกลไกของทีมซึ่งเป็นสิ่งที่ เชลซี ทำมาตลอด 15 ปี เมื่อคุณมองเชลซีตอนนี้ คุณจะเห็นนักเตะมากมายที่ขาดประสบการณ์ มีแต่แข้งดาวรุ่งและวัยรุ่น ซึ่งแน่นอนว่ามันจะตามมาด้วยความไม่แน่นอน ความผิดพลาดและผลการแข่งขันที่ไม่ค่อยดีนัก
โอเล่ และแฟร้งค์ เป็นกุนซือหนุ่มทั้งคู่แต่พวกเขาได้ทำการตัดสินใจสิ่งนี้ มันไม่ถูกต้องเลยพวกคุณจะไม่สนับสนุนในสิ่งที่กุนซือทั้งสองทำพยายามทำ เพราะเพียงแค่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของทีม ถ้าคุณพยายามทำสิ่งนี้ซึ่งคือการผลักดันดาวรุ่งเหมือนกับที่ทั้งสองกุนซือทำใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด และสแตมฟอร์ด บริดจ์ คุณต้องให้เวลาเขาทั้งสอง
นั่นเป็นคำถามใหญ่เลยสำหรับ เชลซีและแมนฯยูไนเต็ด พวกเขาต้องการบอร์ดบริหารที่แน่วแน่และแข็งแกร่ง พวกเขาจะต้องเผชิญหน้าและยืนหยัดสู้กับความกดดันโดยเฉพาะจากสื่อโซเชี่ยล มีเดีย และจะต้องพูดว่า "พวกเรารู้ในสิ่งที่เรากำลังสร้างอยู่ตอนนี้ มันถูกต้องและพวกเราเราจะทำมันต่อไป"