หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์ 1

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์

หลังจากทำผลงานชั้นยอดไล่ทุบ อาร์เซน่อล 3-1 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ยึดตำแหน่งจ่าฝูงพร้อมกับเก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 แมตช์แรกของฤดูกาล 2019/20 โดยเป็นทีมเดียวที่จะเก็บชัยชนะเรียบวุธ พร้อมกับมีคะแนนเหนือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น 

    ผลงานของ "หงส์แดง" ในการเยือน เบิร์นลี่ย์ ต้องบอกว่าค่อนข้างจะดีเยี่ยม แม้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมจะออกมาพูดในเชิงถ่อมตัวว่าสนามเทิร์ฟ มัวร์ ยากแก่การออกไปเยือน แต่สถิติของพวกเขาในการปะทะกับเจ้าบ้านสวยหรูเลยทีเดียว เมื่อชนะ 4 จาก 5 เกมในลีก

    อย่างไรก็ตาม "เดอะ เร้ดส์" ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด เพราะ 1 เกมที่แพ้ เบิร์นลี่ย์ ก็มาจากการไปเยือนพวกเขา แต่ต้องย้อนไปถึงปี 2016 ฉะนั้นหากพวกเขาเล่นแบบชะล่าใจก็มีโอกาสที่จะต้องเดินทางกลับเมืองลิเวอร์พูล ด้วยการได้แค่ 1 แต้ม หรืออาจจะไม่ได้แต้มเลยก็ได้ 

1. ผวา อาเดรียน ? 

    หลังจากที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมายืนยันชัดเจนว่า อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทหวารบราซิเลียน ต้องใช้เวลาอีกซักพักในการฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บน่อง ที่ได้รับในเกมแรกของซีซั่น ชนะ นอริช ซิตี้ ทำให้สโมสรจำเป็นต้องใช้งาน อาเดรียน มาตลอดจนถึงเกมกับ เบิร์นลี่ย์ ในวันเสาร์นี้

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์ 2

    แน่นอนว่า โกลชาวสแปนิช ผ่านร้อนผ่านหนาวในลีกสูงสุดมาพอสมควร แต่ผลงานที่อยู่เฝ้าเสาให้ "หงส์แดง" ตลอดช่วง 3 นัดที่ผ่านมา ดูเหมือนเจ้าตัวยังไม่ค่อยได้รับความไว้วางจากเพื่อนร่วมที่มากนัก เพราะฟอร์มที่มักจะออกลูกเหวอจนทำเอาสาวก "เดอะ ค็อป" ใจหายใจคว่ำกันมาแล้ว

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์

    ตั้งแต่ในแมตช์กับเฉือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในจังหวะที่ เฟอร์จิล ฟานไดค์ ส่งบอลคืนให้เจ้าตัว และแค่เตะออกด้านข้างก็จบเรื่อง แต่ดันทะลึ่งเตะตรงกลางแถมอัดไปโดน แดนนี่ อิงส์ ทำให้ "นักบุญ" ได้ประตูตีไข่แตก เดชะบุญที่จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นท้ายเกม ไม่งั้น "หงส์แดง" คงกดดันสุดๆ

    หรืออย่างในแมตช์ล่าสุดที่ดันประสานงานกับ ฟาน ไดค์ ไม่ลงตัว เมื่อวิ่งออกมาเตะบอลทิ้งแต่ดันแป๊กไปเข้าทาง ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง แต่ดีที่หัวหอกกาบองดันยิงไม่ดีทำให้ "เดอะ เร้ดส์" รอดจากการเสียประตูไปได้อย่างหวุดหวิด ฉะนั้นในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ สาวก "เดอะ ค็อป" คงภาวนาให้ แนวรับชาวดัตช์กับโกลเลือดกระทิงดุ ประสานงานกันได้ลงตัวกว่า 2 แมตช์หลังสุด

    อย่างไรก็ตาม อาเดรียน ก็ยังมีฟอร์มเด็ดที่ช่วยเซฟประตูให้ทีมได้หลายครั้งเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว คล็อปป์ ยังสามารถฝากผีฝากไข้ นายด่านรายนี้ได้อีกจนกว่า อลีสซง จะฟิตสมบูรณ์ แต่กว่าจะถึงวันนั้นแฟน "หงส์แดง" คงหวังให้ อาเดรียน โชว์รักษาคลีนชีตให้ได้ซักเกม เพราะตั้งแต่ที่เฝ้าเสาทีมเสียประตูทุกนัด

2.  คล็อปป์ได้คู่แท้ ฟาน ไดค์  

    ตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้ ดูเหมือน คล็อปป์ ยังไม่สามารถจับคู่เซนเตอร์แบ็กให้กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้เลย โดยมักจะสลับส่งนักเตะ 2 คนได้แก่ โฌแอล มาติป กับ โจ โกเมซ ยืนเป็นคู่หูกองหลังตัวกลางกับ ปราการหักทีมชาติฮอลแลนด์ เพื่อจะได้หาดูว่าคนไหนควรจะได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

    ดูเหมือนว่า นายใหญ่ ชาวด๊อยท์ช จะรู้แล้ว่า มาติป เหมาะกับการยืนคุมเกมรับร่วมกับ ฟาน ไดค์ ซึ่งเพิ่งจะได้รับ 2 รางวัลใหญ่ได้แก่กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปี และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสหพันธ์ยุโรป (ยูฟ่า) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา 

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์

    หากเช็คจากผลงานล่าสุดในเกมไล่ถล่ม อาร์เซน่อล นั้น มาติป ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบในการแบ่งเบาภาระ อดีตแนวรับ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน แถมยังขึ้นไปเติมเกมรุกในจังหวะที่ทีมได้เล่นลูกตั้งเตะ ทำให้ "หงส์แดง" มีทางเลือกที่หลากหลายในการทำประตู และยังทำให้แนวรับคู่แข่งต้องสับสนเพราะต้องพะวักพะวงในการประกบแนวรุกของ "เดอะ เร้ดส์" รวมไปถึง 2 กองหลังที่พร้อมโขกทำประตู

    ขณะที่ โกเมซ นั้น คล็อปป์ ยังมองว่ามีประโยชน์เพราะนักเตะสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรับ และบ่อยทั้งที่เขามักจะถูกเลือกให้ลงไปยืนเป็นแบ็กขวาแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และอาจจะโยกไปเล่นแบ็กซ้ายแทน แอนดวูร์ โรเบิร์ตสัน หรือหากจำเป็นก็ยังสามารถยืนคู่กับ ฟาน ไดค์ ได้ด้วย
    
3. สามประสาน "หินเหล็กไฟ"

    แน่นอนว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก คล็อปป์ ให้ยืนเป็นสามประสานเกมรุก "หงส์แดง" ในแมตช์เยือน เบิร์นลี่ย์ เพราะพวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มสุดยอด ฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะแยกทั้ง 3 คนออกจากกัน

    ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะใช้ระบบโรเตชั่นเพื่อไม่ให้นักเตะมีอาการล้าจากโปรแกรมที่ถี่ยิบ แต่เรื่องนี้ กุนซือชาวเยอรมัน ประกาศชัดเจนว่าไม่มีความจำเป็นที่จะสลับเปลี่ยนตำแหน่งมากเกินไป เนื่องจากเพิ่งจะอยู่ในช่วงต้นซีซั่น 

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์

    ที่สำคัญแนวรุก "เอสเอ็มเอฟ" กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรง โดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ตอนนี้กลับมาเป็นเครื่องจักรสังหารประตูอีกครั้ง ทำให้งานนี้แนวรับของ เบิร์นลี่ย์ อาจจะต้องเจอกับงานหนักเพราะต้องพะวงเกมรุกระดับเฮฟวี่เมทัลของทีมเยือน ที่มักจะมีรูปแบบที่หลากหลาย แถมยังต้องคอยจับตา "บังโม" ให้ดีๆ ไม่งั้นได้เจ็บเหมือนที่ อาร์เซน่อล เจ็บมาแล้ว 

4. เทิร์ฟ มัวร์ ยากจริงเหรอ ?

    คล็อปป์ เพิ่งออกมายอมรับว่า "เทิร์ฟ มัวร์ เป็นสนามที่ยากลำบากในการไปเยือน เราเคยไปที่นั่นมันทั้งร้อน, ลมแรง และฝนตก แน่นอนว่ามันยากลำบากเสมอที่ต้องไปเยือน" แล้วสนามแห่งนี้ยากจริงๆ อย่างที่ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช บอกจริงๆ หรือเปล่า ?

    หากเช็คจากสถิติ เจ้าของแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นล่าสุด สามารถบุกไปไล่อัด เบิร์นลี่ย์ คาบ้าน 4 จาก 5 เกมที่พบกัน โดยแพ้แค่ 1 เกมเท่านั้น ซึ่งแมตช์ล่าสุดที่ "หงส์แดง" คว้า 3 คะแนนกลับบ้านเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2018/19 ด้วยสกอร์สวยหรูดูดีมีราคาก็คือ 3-1   

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์

 

    ไม่ใช่แค่นั้นเมื่อเช็คผลงานในการพบกันในเกมพรีเมียร์ลีกแล้ว "เดอะ เร้ดส์" ยังทำผลงานได้สุดยอดในการเจอกับคู่แข่งรายนี้ด้วยการเอาชนะไปได้ 8 จาก 10 เกมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี (ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1) โดยเกมที่ เบิร์นลี่ย์ ชนะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2016 ที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ สกอร์ 2-0
     
    สถิติ เบิร์นลี่ย์ VS ลิเวอร์พูล 

    – เบิร์นลี่ย์ แพ้ ลิเวอร์พูล 8 จาก 10 เกมพรีเมียร์ลีก (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 8) ชัยชนะนัดเดียวของพวกเขาเกิดขึ้นที่เทิร์ฟ มัวร์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2016

    – ลิเวอร์พูล ชนะ เบิร์นลี่ย์  4 จาก 5 เกมในลีกที่เยือนเทิร์ฟ มัวร์ (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1) ล่าสุดบุกทุบสกอร์ 3-1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา 

    – ลิเวอร์พูล ชนะเกมลีก 12 แมตช์ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 1990 ภายใต้การคุมทัพของ เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช โดย "หงส์แดง" ไม่เคยชนะ 13 แมตช์ต่อต่อกันในหน้าประวัติศาสตร์เกมลีกของพวกเขา 

    – ลิเวอร์พูล มีโอกาสจะกลายเป็นทีมลำดับที่ 6 ในหน้าประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ ที่สามารถคว้าชัยใน 4 เกมแรกของนัดเปิดฤดูกาลสำเร็จต่อจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (1994/95 และ 1995/96), อาร์เซน่อล (2003/04 และ 2004/05), เชลซี (2004/05 กับ 2005/06, 2009/2010 และ 2010/11) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2015/16 และ 2016/17)

    –  เซร์คิโอ อเกวโร่ (16 ประตู) และ ซาดิโอ มาเน่ (15 ประตู) เป็นแค่สองนักเตะที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก ปี 2019 ได้มากกว่า แอชลี่ย์ บาร์นส์ (13 ประตู)  

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 ประเด็น ลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์

    – แอชลี่ย์ บาร์นส์  ยิงประตูใน 4 แมตช์หลังสุดในพรีเมียร์ลีก (5 ประตู) ขณะที่ไม่มีนักเตะ เบิร์นลี่ย์ ยิงประตูได้เลย 5 เกมติดต่อกันในรายการนี้ 

    – โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตะบันตาข่ายใส่ เบิร์นลี่ย์ ทั้งในเกมเหย้า-เยือน เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา รวมเบ็ดเสร็จทั้งหมด 3 เม็ด ตอนนี้ "บ็อบบี้" ขาดอีกแค่ 1 ประตูก็จะกลายเป็นแข้งบราซิเลียนคนแรกที่ซัดได้ 50 ประตูในพรีเมียร์ลีก 

    –  เดอะ เร้ดส์ ไร้พ่ายใน พรีเมียร์ลีก ติดต่อกัน 20 นัด จนถึงตอนนี้ (ชนะ 16 เสมอ 4 แพ้ 0) และแพ้เพียงแค่ 1 เกมจากทั้งหมด 42 นัดในลีก (ชนะ 34 เสมอ 7 แพ้ 1) โดยเกมที่แพ้เกิดขึ้นในเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2

     คาดการณ์ 11 ตัวจริง ลิเวอร์พูล ระบบ 4-3-3

    ผู้รักษาประตู :  อาเดรียน

    กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

    กองกลาง : ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

    กองหน้า : ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 

เล่นสล็อต สร้างรายได้กันเถอะ สมัครรับทุนฟรี คลิกเลย!