ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ? 1

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ?

เซอร์ดาน ชากิรี่ เคยคิดว่าเขามีโอกาสที่จะได้กลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง หลังจากที่ ลิเวอร์พูล จ่ายค่าฉีกสัญญาจำนวน 13.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 513 ล้านบาท) เพื่อดึงเขามาจาก สโต๊ค ซิตี้ ทีมที่เป็นเหมือนสถานที่พักชั่วคราวของเขา เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อนหลังจากที่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวเคยเล่นให้ทีมใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ อินเตอร์ มิลาน มาก่อน

    ที่จริงในตอนแรกมันก็เหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ ชากิรี่ วาดฝันเอาไว้ ในช่วงต้นฤดูกาล 2018-19 เขายังถูกส่งลงเล่นอยู่เรื่อยๆ แถมยังเคยทำ 2 ประตูในเกมแดงเดือดเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาจนเป็นการทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องตกงานจากการเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย

 

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ?

 

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมหลังจากนั้นสำหรับ ชากิรี่ ถือว่าน่าผิดหวัง แน่นอน เขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่สองในชีวิต แต่สำหรับนักเตะอาชีพแล้วนั้น โอกาสได้ลงเล่นมันก็มีความสำคัญมากพอๆ กับการเป็นแชมป์ ซึ่งตลอดทั้งฤดูกาลที่แล้วเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกเพียง 11 นัด และต่อให้นับเกมที่ได้ลงเป็นตัวสำรองด้วยมันก็อยู่ที่ 24 เกมเท่านั้น

 

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ?

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ? 2

 

    ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่นานมานี้ ชากิรี่ จะออกมาเปิดใจกับ บีแซด เลงเก้นธาเลอร์ ท๊ากบลัตต์ สื่อของบ้านเกิดว่าไม่พอใจกับสถานการณ์ของตัวเองมากๆ และบอกว่ามันถึงเวลาที่จะตัอง "หาทางออก" ให้กับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งหลายคนก็เชื่อว่าไอ้การหาทางออกที่ว่าก็คือการพิจารณาเรื่องย้ายทีม เพื่อหาโอกาสลงเล่นมากขึ้น คำถามคือ ชากิรี่ สมควรมีสถานะเป็นเพียง "อะไหล่" ที่โดนเก็บเอาไว้ในกล่องนานอย่างนี้หรือไม่ ?

    – สไตล์การเล่น
    หลายคนยกให้จุดเด่นที่สุดของ ชากิรี่ เป็นการเลี้ยงบอลกับการมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เมื่อไหร่ก็ตามที่แข้งวัย 27 ปีได้ครองบอล มันก็เป็นเรื่องยากพอตัวที่คู่แข่งจะแย่งบอลไปจากเขาได้ แถมการที่เจ้าตัวมีเทคนิคที่ดีมันก็ทำให้บางครั้งเขาสามารถโชว์ลีลาอันน่าเหลือเชื่อได้ด้วย

 

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ?

 

    นอกจากนี้ ชากิรี่ ยังจบสกอร์ได้ดีในระดับหนึ่งเช่นกัน และที่จริงความเร็วของเขาก็ไม่ได้ถึงขั้นแย่อะไร เพียงแต่มันเทียบกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ 2 ปีกตัวจริงของทีมไม่ได้ก็เท่านั้น โดยจุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุดของ ชากิรี่ เห็นจะเป็นเรื่องที่เขาไม่ค่อยคงเส้นคงวามากเท่าไหร่ วันไหนผีเข้าก็พร้อมจะกระชากหนีได้ทุกคน แต่วันไหนผีออกก็มักจะไปไม่เป็นเหมือนกัน

    – สมควรเป็นตัวจริงหรือไม่ ?
    หลักๆ แล้วแผนการเล่นของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล จะเน้นการขึ้นเกมที่รวดเร็วตรงริมเส้น แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้ปีกทั้ง 2 ข้างตัดสินใจเอาเองว่าจะเข้าไปลุ้นทำประตูด้วยตัวเอง หรือผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมมีโอกาสทำประตูต่อ

 

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ?

 

    ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า ชากิรี่ ยังไม่เหมาะที่จะเป็นตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล เหมือนที่บอกไปในข้างต้นว่าความเร็วของเขาสู้ ซาลาห์ กับ มาเน่ ไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขาได้ลงเป็นตัวสำรองแล้วล่ะก็ เขาก็จะยังมีสภาพความฟิตที่ดีในระดับที่สามารถกระชากหนีกองหลังของคู่แข่งที่เหนื่อยล้าได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจดึง ชากิรี่ มาร่วมทัพ และดาวเตะชาวสวิสเองก็พอจะเข้าใจเรื่องนั้นดี

    – สถานะการเป็นอะไหล่
    เรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้ ชากิรี่ เดือดเนื้อร้อนใจ โอเค การถูกมองว่าเป็นตัวเลือกรองจาก ดิว็อค โอริกี้ มันไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์อะไรมากนัก เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าดาวเตะชาวเบลเยียมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดขีด จากการที่ลงเป็นตัวจริงก็ทำประตูได้ หรือต่อให้ถูกส่งเป็นตัวสำรองก็ยังทำผลงานได้โดดเด่นในระดับหนึ่ง

 

ชากิรี่ กับ ลิเวอร์พูล : เส้นทางที่ไปด้วยกันต่อไม่ได้ ?

 

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันดูเหมือนกับว่า คล็อปป์ จะชอบใช้งาน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มากกว่าเขาไปด้วย ทั้งที่ช่วงหลายนัดที่ผ่านมาดาวเตะชาวอังกฤษยังดูไม่มีสภาพความฟิตดีเท่าไหร่ โดยในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ลงเล่นไปแล้ว 4 นัด และ ชากิรี่ ก็ได้รับโอกาสลงสนามเพียงเกมเดียว นั่นคือเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์

    – สรุป
    ที่จริงแล้ว ชากิรี่ ยังถือเป็นอะไหล่ที่สำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล เขาคือคนที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ให้ทีมในเวลาที่ "หงส์แดง" กำลังเจอกับความยากลำบากได้ เหมือนที่เจ้าตัวแสดงให้เห็นในบางนัดของฤดูกาลก่อน

    ถึงกระนั้น ด้วยความที่มันมีศึก ยูโร 2020 เป็นเดิมพัน ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาที่นักเตะระดับเขาอยากมีโอกาสลงเล่นมากขึ้น เพื่อที่จะได้ส่งผลดีต่อทีมชาติไปด้วย และถ้าเกิดสุดท้ายแล้วเขาเลือกที่จะหันหลังให้ ลิเวอร์พูล มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ถึงแม้มันจะเป็นทางเลือกที่น่าเสียดายสำหรับ คล็อปป์ และเหล่า "เดอะ ค็อป" ก็ตาม

เล่นสล็อต สร้างรายได้กันเถอะ สมัครรับทุนฟรี คลิกเลย!