ทุกวันนี้การเสริมทัพในโลกฟุตบอลมันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ เพราะจำนวนค่าตัวมันอยู่ในระดับที่สูงสุดๆ ขนาดทีมยักษ์ใหญ่ที่มีเงินให้ใช้เยอะพอตัวยังต้องพิจารณาให้ดีเพื่อที่จะทำการซื้อใครสักคนเลย ดังนั้นทีมที่มีเงินให้ใช้แบบจำกัดจำเขี่ยก็ยิ่งต้องเจอปัญหาในการเสริมทัพมากกว่าเป็นธรรมดา

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตลาดเสริมทัพในลีกใหญ่ๆ ที่อื่นของทวีปยุโรปยังเปิดทำการจนถึงวันที่ 2 กันยายนนี้ แต่มันก็ไม่ผิดอะไรถ้าจะยกให้ อาร์เซน่อล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นหนึ่งในทีมที่ดำเนินการเสริมทัพได้ฉลาดที่สุดประจำซัมเมอร์นี้ ไม่ใช่ในด้านเรื่องที่ว่า "ซื้อใครเข้ามา" แต่เป็นในแง่ของ "วิธีที่ซื้อ"

    นิโกล่าส์ เปเป้, วิลเลี่ยม ซาลิกา, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ ดานี่ เซบายาส คือแข้งที่ อาร์เซน่อล ทำการเซ็นสัญญาด้วยในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งถ้าเอาค่าตัวของพวกเขามารวมกันก็จะอยู่ที่ 143 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,863 ล้านบาท) เลยทีเดียว

    ถึงกระนั้น ด้วยการเจรจาที่ยอดเยี่ยม และแนวคิดที่ชาญฉลาด มันก็ทำให้ อาร์เซน่อล เสียเงินในช่วงซัมเมอร์นี้ไปกับเหล่านักเตะในเบื้องต้นเพียงแค่ 46 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,886 ล้านบาท) เท่านั้น เพราะพวกเขาใช้วิธีผ่อนจ่าย และถึงแม้จะเป็นการผ่อนจ่าย แต่ในอนาคตพวกเขาก็ไม่ต้องเสียเงินมากมายเกินไปด้วย ซึ่งวันนี้เราก็จะมาดูกันว่า อาร์เซน่อล ใช้เงินการเสริมทัพทั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ และการผ่อนจ่ายในอนาคตยังไงบ้าง

    – ดานี่ เซบายอส
    มิดฟิลด์ชาวสแปนิชที่ อาร์เซน่อล ยืมมาจาก เรอัล มาดริด เป็นเวลา 1 ฤดูกาล ถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของ อาร์เซน่อล ที่ต้องการได้กองกลางฝีเท้าดีมาเพิ่มความแข็งแกร่งในแดนกลาง โดยถึงแม้จะไม่มีอ็อปชั่นซื้อขาด แต่พวกเขาก็เสียเงินกับการยืมตัวครั้งนี้เพียง 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 205 ล้านบาท)

    – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
 กองหน้าชาวบราซิเลียนรายนี้ถือเป็นการลงทุนสำหรับอนาคตก็ว่าได้ เพราะที่จริงก่อนหน้านี้เขาอยู่กับ อิตัวโน่ ทีมในประเทศบราซิลที่ไม่ได้โด่งดังเท่าไหร่ แต่เพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมขายแข้งวัย 18 ปี อาร์เซน่อล ก็ต้องจ่ายเงินไป 6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 246 ล้านบาท) ซึ่งดูสูงพอตัวสำหรับคนที่ยังไม่มีดีกรีอะไร

    อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้ว อาร์เซน่อล ทำข้อตกลงแบบผ่อนจ่าย 3 ปี โดยพวกเขาเสียเงินในช่วงซัมเมอร์นี้ไปเพียง 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 84 ล้านบาท) เท่านั้น ส่วนในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า และของปี 2021 พวกเขาก็จะจ่ายเพียง 2 ล้านปอนด์เช่นกัน

    – คีแรน เทียร์นี่ย์
    อาร์เซน่อล ตามจีบแบ็กซ้ายรายนี้มานาน หลังจากที่เขาทำผลงานได้โดดเด่นกับ เซลติก ซึ่งตอนแรก "ไอ้ปืนใหญ่' เกือบจะอดได้แข้งวัย 22 ปีมาร่วมทัพแล้ว แต่หลังจากพยายามอย่างหนัก พวกเขาก็สามารถปิดดีลกับ เทียร์นี่ ได้สำเร็จที่ค่าตัว 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,025 ล้านบาท)

    ถึงกระนั้น อาร์เซน่อล ก็จะเสียเงินในช่วงซัมเมอร์นี้สำหรับดีลของ เทียร์นี่ย์ เพียงแค่ 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 410 ล้านบาท) เท่านั้น และพวกเขาก็จะจ่ายเงินจำนวนนี้อีกในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า ก่อนที่จะชำระค่าตัวของ เทียร์นี่ย์ ครบด้วยการจ่าย 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 205 ล้านบาท) ในช่วงซัมเมอร์ของปี 2020

    – วิลเลี่ยม ซาลิบา
    ปราการหลังดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสของ แซงต์-เอเตียน ตกเป็นที่สนใจของทั้ง อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนที่สุดท้ายทีมของกุนซือ อูไน เอเมรี่ จะเอาชนะคู่อริร่วมเมืองจนได้เขามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,107 ล้านบาท) โดยที่ อาร์เซน่อล ตกลงส่งเขากลับไปเล่นกับ แซงต์-เอเตียน ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล

    แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้สำหรับการทำดีลกับนักเตะวัยเพียง 18 ปี มันดูสูงเกินไปในสายตาของหลายคน แถมที่จริง ซาลิกา ยังเพิ่งขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ แซงต์-เอเตียน เป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาลก่อนด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายระบุว่า อาร์เซน่อล จะเสียเงินในช่วงซัมเมอร์นี้เพียง 5 ล้านปอนด์เท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกเขาจะแบ่งจ่ายไปอีก 4 ปี แบ่งเป็นปีละเพียง 5.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 225.5 ล้านบาท)

    – ดาวิด ลุยซ์
    การดึงกองหลังชาวบราซิเลียนมาจาก เชลซี ทีมคู่อริร่วมกรุงลอนดอนได้ถือว่าเป็นดีลที่ทำให้หลายคนแปลกใจพอตัว โดยที่ค่าตัวของเขาอยู่ที่ 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 328 ล้านบาท)

    ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่ามันเป็นดีลที่คุ้มค่ารึเปล่า แต่อย่างน้อยในช่วงซัมเมอร์นี้ อาร์เซน่อล ก็ไม่ได้เสียเงินไปกับ ลุยซ์ มากเท่าไหร่ เพราะพวกเขาทำข้อตกลงแบบแบ่งจ่าย 2 ปี ปีละ 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 164 ล้านบาท) เท่านั้น

    – นิโกล่าส์ เปเป้
    นี่คือหนึ่งในดีลที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ของ พรีเมียร์ลีก เปเป้ เป็นปีกที่ทำผลงานได้โดดเด่นอย่างมากกับ ลีลล์ เมื่อฤดูกาลก่อน ด้วยการทำไป 22 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีก 38 นัด และเป็นที่สนใจของหลายต่อหลายทีม อย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ นาโปลี เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็เป็น อาร์เซน่อล ที่ได้ตัวแข้งทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ไปครอง ด้วยการยอมจ่ายค่าตัวรวม 72 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,952 ล้านบาท) ซึ่งดูแล้วมันเป็นเงินที่สูงเกินกว่าที่ อาร์เซน่อล จะจ่ายได้ เมื่อพิจารณาถึงประเด็นที่ว่ามันมีรายงานว่าบอร์ดบริหารของทีมมีงบประมาณให้ เอเมรี่ ใช้เสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ไม่มากนัก

    แต่ความฉลาดของทีมงาน อาร์เซน่อล ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้ โดยพวกเขาเสียเงินเป็นค่าตัวของ เปเป้ เฉพาะช่วงซัมเมอร์นี้เพียง 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 820 ล้านบาท) ส่วนที่เหลือเป็นการแบ่งจ่าย 4 ปี ปีละ 13 ล้านปอนด์ (ประมาณ 533 ล้านบาท) เท่านั้น

    นอกจากนี้ ถ้าเกิดพิจารณาถึงเงินจากการขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ของ อาร์เซน่อล ซึ่งอยู่ที่ 23.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 963.5 ล้านบาท) ด้วยแล้วล่ะก็ นั่นก็จะหมายความว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ อาร์เซน่อล มีรายจ่ายในด้านการเสริมทัพเพียง 22.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 922.5 ล้านบาท) เท่านั้น

    ทั้งนี้ ในแต่ละฤดูกาลหลังจากนี้ อาร์เซน่อล ก็อาจจะขายนักเตะออกไปอีก ซึ่งมันก็จะช่วยทำให้รายจ่ายที่ติดค้างมาจากการผ่อนค่าตัวของนักเตะที่พวกเขาเซ็นสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้มันลดลงไปอีก เรียกได้ว่าเป็นแผนการเสริมทัพที่น่าชื่นชมจริงๆ