“อาเดรียนนนน” ชื่อนี้ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นหลังจากที่พวกเขาต้องพลาดเห็น อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารจอมหนึบ ลงทำหน้าที่เฝ้าเสาอย่างน้อง 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บน่อง ตั้งแต่เกมเปิดฤดูกาล 2019/20

    นายทวารจอมเก๋าชาวสแปนิช ย้ายมาแบบฟรีเอเจนต์จาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อทำหน้าที่แทน ซิมง มิโญเลต์ ยางอะไหล่จากเบลเยียมซึ่งหนีกลับบ้านไปทำมาหารับประทานกับ คลับ บรูช โดย อาเดรียน รู้อยู่เต็มอกว่าสถานะของตัวเองคือเงาของ อลีสซง เท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม เหมือนสวรรค์บันดาลให้ อาเดรียน ได้ลืมตาอ้าปากกับ ลิเวอร์พูล แบบไม่คาดฝัน เพราะ "โกลหน้าธอร์" ดันดวงแตกบาดเจ็บตั้งแต่ไก่โห่ในเกมถล่ม นอริช ซิตี้ ส่งผลให้เขาต้องพลาดช่วย "หงส์แดง" ไปอีกหลายเกม แต่นั่นคือโอกาสทองของ นายทวารวัย 32 ปีที่จะได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือของเขาให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ประจักษ์แก่สายตา

    ในฐานะตัวจริงเกมแรกแบบเต็มตัวแมตช์ปะทะ เชลซี แถมยังเป็นรายการสำคัญนั่นคือการชิงถ้วยแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2019 ณ ดินแดนมหัศจรรย์แห่งความฝันสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป"  อิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นงานสุดหินของ อาเดรียน ที่จะต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล แต่เขาก็ทำผลงานได้ดี แม้จะมีผิดพลาดอยู่บ้าง สุดท้ายก็เป็นฮีโร่นำ "เดอะ เร้ดส์" คว้าแชมป์แรกของซีซั่นได้สำเร็จ

    ย้อนกลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน อาเดรียน ยังไม่มีสังกัดให้ลงเล่นด้วยซ้ำ แถมยังใช้เวลาในช่วงซัมเมอร์ฝึกซ้อมส่วนตัวที่เซบีย่า บ้านเกิดหลังจากโบกมือลา "ขุนค้อน" เมื่อจบฤดูกาลที่ผ่านมา  ในเวลานั้นมีข้อเสอนหลายทีมให้เขาได้เลือก แต่ก็ยังไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งในช่วงสุดสัปดาห์ของเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ มีโทรศัพท์จากแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ติดต่อเข้ามา

    แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ? อาเดรียน ยอมรับว่ามันคือฝันเป็นจริง "หนึ่งเดือนก่อนผมฝึกซ้อมแบบส่วนตัวในสเปนร่วมกับโค้ชผู้รักษาประตูของผม และเพื่อนๆ ก็ช่วยผมในช่วงฝึกซ้อม สองสัปดาห์ก่อนผมยังไม่รู้ว่าผมจะเซ็นสัญญากับทีมไหน ไม่ว่าในสเปนหรือในลีกอื่น แต่ ลิเวอร์พูล ติดต่อมาหาผม และถามผม ตอนนี้นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผมจริงๆ"

    "ผมรู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้จะต้องมาถึง แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เร็วอย่างที่คาดคิด ผมมีความสุขมากๆ ที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ และภูมิใจกับนักเตะทุกคนที่ช่วยผมตั้งแต่เริ่มแรก พวกเขาอ้าแขนต้อนรับผมทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับได้เพื่อนที่ดีเยี่ยม มันเป็นค่ำคืนที่แสนพิเศษจริงๆ"

    นายด่านเลือดกระทิงดุ ซึ่งไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์หรือเหรียญรางวัลใดๆ มาก่อน นับตั้งแต่เริ่มค้าแข้งกับ เรอัล เบติส ในปี 2006 ทำพลาดในจังหวะทำฟาวล์ แทมมี่ อับราฮัม จนเสียจุดโทษ และส่งผลให้ทีมโดนตีเสมอ 2-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ อย่างไรก็ตาม อาเดรียน แก้ตัวได้เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับ อับราฮัม อีกรครั้งในการดวลฎีกาหาแชมป์ และเขาก็กลับกลายมาเป็นฮีโร่ของทีมทันที

    "พูดกันตามตรง การยิงจุดโทษก็ต้องอาศัยโชคนิดๆ หน่อยๆ สำหรับผู้รักษาประตู เพราะคุณต้องเดาให้ถูกทาง และนั่นจะทำให้คุณป้องกันได้ ในเวลานั้นผมเลือกพุ่งไปทางซ้าย แต่ผมรอจนกระทั่งเสี้ยววินาทีสุดท้าย ผมเซฟได้ด้วยเท้าขวา มันเป็นการเซฟที่น่าเหลือเชื่อมากๆ การเซฟทั้งหมดสุดยอดจริงๆ แต่นี่เป็นครั้งสำคัญ มันยอดเยี่ยมที่สุด"

     หลังจากที่ป้องกันประตูสำคัญได้แล้ว บรรดาเพื่อนร่วมทีม รวมทั้ง คล็อปป์ วิ่งดีใจเข้ามาหา อาเดรียน กันยกใหญ่ โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายได้จริงๆ "ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกมมันจะออกมาเยี่ยมแค่ไหนเมื่อคุณคว้าแชมป์ แต่มันสุดยอดจริงๆ มันยิ่งใหญ่มาก"

    อาเดรียน ซึ่งฉลองการเซฟสำคัญด้วยการนั่งคุกเข่าอยู่บนผืนสนาม กล่าวต่อไปว่า "ผมนั่งคุกเข่า และรอให้เพื่อนๆ, ผู้จัการทีมวิ่งเข้ามาหาผม ผมอยากเห็นแบบนี้ในวีดิโอ เพราะผมได้เห็นหลายคนที่กระโดดใส่ผม แต่นี่คือช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิตของผม"

    โกลชาวสแปนิช คงได้ทำหน้าที่เฝ้าเสาเป็นตัวหลักอีก 2-3 สัปดาห์ เนื่องจาก อลีสซง อยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บน่อง แต่เมื่อนายด่านแซมบ้า หายเจ็บกลับมา พวกเขาต้องแข่งขันกันเพื่อยึดตัวจริง โดย อาเดรียน ยอมรับว่าตนให้ความเคารพและมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับ อลีสซง มากๆ

    "ชีวิตของผู้รักษาประตูก็แบบนี้แหละ เราต้องพร้อมสำหรับทุกสิ่ง และผมรู้ว่า อลีสซง ยอดเยี่ยมมากแค่ไหนเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา รวมทั้งกับทีมชาติบราซิลด้วย แต่ผมอยู่ที่นี่เพื่อสู้แย่งตำแหน่งกับเขา และเป็นแรงผลักดันให้เขา นี่เป็นการแข่งขันมีประโยชน์มากๆ มันทำให้ผมรู้สึกทำงานด้วยความสบายใจร่วมกับเขา และหวังว่าเขาจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อาเดรียน ระบุ

    แน่นอนว่าจากนี้ไปเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลลิเวอร์พูล จำเป็นต้องฝากความหวังในการป้องกันประตูเอาไว้กับ อาเดรียน และหากเขาทำผลงานได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่หาก อลีสซง ฟิตกลับมาคงต้องเจองานหนักในการทวงตำแหน่งมือ 1 กลับมา !!