“หงส์แดง” ไม่มีพลาดเก็บชัยชนะในนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 หลังถล่ม นอริช ซิตี้ ไปขาดลอย 4-1 ต้องบอกว่าเป็นเกมทีแนวรุก ลิเวอร์พูล ยังเฉียบคมอยู่เช่นเคย รัวประตูถึง 4 เม็ดในครึ่งแรกแทบจะจบเกมทั้งที่ยังไม่พักครึ่งเลยก็ว่าได้ ประเดิมสามแต้มแรกเป็นที่เรียบร้อย เราไปดูกันว่าประเด็นสำคัญอะไรในเกมนี้กันบ้าง

1.โอริกี้กับตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้าย

    สภาพความฟิตของ ซาดิโอ มาเน่ ยังไม่พร้อมสำหรับลงเล่นเต็มเวลา ดังนั้น ดิว็อค โอริกี้ ยังคงประจำการทางฝั่งซ้ายเหมือนกับเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเกมกับ แมนฯซิตี้ ที่ผ่านมานั้นเขายังดูต่อกับเพื่อนร่วมทีมไม่ติดเท่าไหร่อาจจะด้วยตำแหน่งที่ไม่ถนัดรวมถึงเจอกับคู่แข่งที่ค่อนข้างเคี่ยว 

    แต่สำหรับเกมกับ นอริช ซิตี้ เขาถือว่ามีบทบาทในเกมรุกเป็นอย่างมาก หงส์แดง ขึ้นเกมทางฝั่ง โอริกี้ บ่อยครั้ง ประตูแรกก็มาจากการที่เขาเปิดบอลกดดันกองหลังจนทำเข้าประตูตัวเอง และยังมีจังหวะที่เขาวิ่งทำทางขึ้นไปโขกพังประตูด้วย โอริกี้ กลายเป็นแบ็กอัพที่ดีทีเดียวในตำแหน่งทางกราบซ้าย หากยังฟอร์มดีแบบนี้อยู่งานนี้คงแย่งตำแหน่งกับ ซาดิโอ มาเน่ สนุกแน่

2.อลิสซงสุดซวย

    หงส์แดง เจอปัญหาใหญ่ตั้งแต่นัดแรกของซีซั่นเมื่อ อลิสซง เบ็คเกอร์ นายทวารคนสำคัญได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาจากจังหวะเตะบอลขึ้นหน้าจากปากประตูแต่ดันลื่นล้มจนเสียหลัก เจ้าตัวต้องใช้คนช่วยประคองในระหว่างเดินออกจากสนาม น่าเป็นห่วงว่าเขาบาดเจ็บมากขนาดไหน เขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่พา หงส์แดง ผงาดฤดูกาลที่แล้ว ลงเล่นครบ 38 นัดในพรีเมียร์ลีก แถมเกมนี้ก็มีส่วนเซฟประตูสำคัญหลายต่อหลายครั้งด้วย อย่างไรก็ตามถ้ามองในแง่ดีก็ถือว่า หงส์แดง จะได้ทดสอบในทวารคนใหม่อย่าง อาเดรียน ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะ มาดูกันว่าหาก อลีสซง ต้องพักยาว อาเดรียน จะสามารถทดแทนได้หรือไม่ 

3.นอริชรุกดี

    แม้เกมนี้สกอร์จะออกมาขาดลอยสุด ๆ แต่ถ้ามองดูในเกมนี้ นกขมิ้นเหลืองอ่อน ถือว่ามีทรงเกมรุกที่น่าสนใจทีเดียว สมกับที่พวกเขายิงประตูในแชมเปี้ยนชิพเมื่อฤดูกาลที่แล้วได้มากถึง 93 ประตู จังหวะชิ่งบอลเร็วของพวกเขาปั่นป่วนกองหลังหงส์แดงจนเกือบเสียท่าอยู่หลายครั้ง จังหวะประตูตีไข่แตกก็ทำได้ยอดเยี่ยมในการจ่ายทะลุช่อง ปัญหาตอนนี้คือความเฉียบคมในการจบสกอร์เนื่องจากมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งกว่าจะได้ประตูที่ต้องการ

    ส่วนแนวรับอันนี้คงต้องทำการบ้านกันหนักหน่วงเนื่องจากยังมีหลายจังหวะที่ประกบคู่แข่งกันห่างมากแถมยังพลาดเสียประตูง่าย ๆ ดังเช่น ลูกทำเข้าประตูตัวเอง หากหวังจะอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ก็คงต้องรีบนำปัญหาเหล่านี้ไปแก้ไข 

4.ซาลาห์ล่าดาวซัลโว

    เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ที่ยอดเยี่ยมของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลังสามารถเบิกสกอร์แรกให้กับตัวเอง รวมถึงยังทำแอสซิสต์ได้อีกด้วย เจ้าตัวครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกมา 2 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว ฤดูกาล 2017-18 เขายิงระเบิดระเบ้อถึง 32 ประตู ขณะที่ฤดูกาลที่แล้วยิงไป 22 ประตูเป็นดาวซัลโวร่วมกับเพื่อนร่วมทีม ซาดิโอ มาเน่ และหัวหอกอาร์เซน่อล ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง มาดูกันว่าฤดูกาลนี้เขาจะคว้าดาวซัลโวเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันได้หรือไม่

5.สถานีต่อไปเชลซี

    หากได้ดูเกมในครึ่งหลัง เราจะเห็นว่า ลิเวอร์พูล ผ่อนคันเร่งเกมรุกไม่เหมือนในครึ่งแรก นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขามีโปรแกรมต้องแข่งในกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดย หงส์แดง จะลงแข่งขันรายการ ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พบกับ เชลซี ซึ่งเป็นแชมป์ยูโรปา ลีก นี่ถือเป็นยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ครั้งแรกที่เป็นทีมอังกฤษล้วน และหาก หงส์แดง ผงาดคว้าแชมป์จะเป็นซุปเปอร์ คัพสมัยที่ 4 ด้วย มารอดูกันว่าพวกเขาจะได้ชูถ้วยที่ โวดาโฟน พาร์ค เมืองอิสตันบูล หรือไม่