“ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส นำก่อนแต่หัววัน แต่สุดท้ายจบไม่ได้ โดน “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ไล่ตามเจ๊า เสมอกันไป 1-1 ก่อนทีมเนรัซซูรี่ ยิงจุดโทษแม่นกว่า ในเกมอินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ ที่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ฟุตบอล อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562
สเปอร์ส (อังกฤษ)  1-1   อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)    

สนาม : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม

    เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์สเปอร์ส พาทีมเสมอบาเยิร์น มิวนิค 2-2 ในนัดชิงออดี้ คัพ ก่อนชนะจุดโทษคว้าแชมป์ไปครอง เกมนี้ ''เฮียพอช'' ไม่มี ฮวน ฟอยธ์ ที่โชคร้ายเจ็บข้อเท้าอย่างหนักจากเกมล่าสุดและส่อเค้าพักยาว

      โดยเกมนี้จัดทัพเน้นพอสมควร เพื่อเตรียมความพร้อมนัดสุดท้าย ก่อนเปิดฉากซีซั่นใหม่ นำทัพโดย แฮร์รี่ เคน  ที่ยืนเป็นหัวหอกเป้า โดยมี เอริค ลาเมล่า และลูคัส มูร่า คอยซัพพอร์ต

    ส่วน อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์อินเตอร์ มิลาน พาทีมเสมอเปแอสเช 1-1 ในเกมลับแข้งล่าสุด ทำให้ไม่ชนะมา 3 เกมแล้ว โดยเกมนี้ คอนเต้จะไม่มี ดีเอโก้ โกดิน กองหลังตัวเก๋าคนใหม่ ที่มีอาการเจ็บต้นขารบกวน 

    เริ่มเกมมาเพียง3นาที เจ้าถิ่นได้เฮอย่างรวดเร็ว เมื่อได้โอกาสสวนกลับ เอริค ลาเมล่า พาบอลลุยมาจากกลางสนาม ก่อนไหลบอลให้ ลูคัส มูร่า กดยิงเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ให้ทีม ไก่เดือยทอง ขึ้นนำ 1-0

    นาทีที่16 อินเตอร์ มิลาน ได้มีโอกาสบ้าง จากการซัดไกลนอกกรอบของ อิวาน เปริซิช แต่บอลพุ่งเรียดออกหลังไปแบบไม่มีลุ้น

    4นาทีต่อมา สเปอร์ส มีโอกาสบวกสกอร์เพิ่ม เมื่อได้ฟรีคิกนอกกรอบระยะ25หลา  แฮร์รี่ เคน  รับหน้าที่มือปืน บอลแม้จะข้ามกำแพง แต่ไม่ฮุคลง ลอยโด่งข้ามคานออกไป

    นาทีที่29 อินเตอร์ มิลาน ชวดได้ประตูตีเสมอสุดๆ เมื่อ อิวาน เปริซิช ได้ส่องไกลยิงนอกกรอบ บอลพุ่งผ่านมือ อูโก้ โยริส ไปแล้ว แต่บอลกลับโค้งไปชนเสาเต็มๆ ทำให้สกอร์ยังตามหลังเจ้าถิ่นอยู่เหมือนเดิม

    อย่างไรก็ตาม นาทีที่36 อินเตอร์ มิลาน ก็มาทวงประตูคืนได้สำเร็จ เมื่อ ดัลแบร์ท เอ็นริเก้ จ่ายบอลให้ เซบาสเตียโน่ เอสโปซิโต้ ชิ่งบอลจังหวะเดียวอย่างสวยให้  สเตฟาโน่ เซนซี่ หลุดทะลุแผงหลัง สเปอร์ส ไปล่อเป้า ก่อนยิงผ่าน อูโก้ โยริส เข้า
ไปอย่างหมดจดให้ ทีมงูใหญ่ ตีเสมอ 1-1

    ช่วงท้ายครึ่งแรก งูใหญ่ เล่นได้คึกกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังทำอะไรเป็รชิ้นเป็นอันไม่ได้ หมดครึ่งแรก จึงยังเสมอกันอยู่ 1-1

    เริ่มครึ่งหลังมา สเปอร์ส ทำการเปลี่ยนตัวสองคน โดยส่ง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ กับ คริสเตียน เอริกเซ่น  ลงมาแทน ยาน แฟร์ต็องเก้น และ มุสซ่า ซิสโซโก้ ส่วน อินเตอร์ ส่ง นิโกล่า บาเรลล่า และ มัตเตโอ โปลิตาโน่ ลงแทน โรแบร์โต้ จัคคิเรนี่ และ
เซบาสเตียโน่ เอสโปซิโต้ 

    นาทีที่63 รูปเกมดูจะตื้อๆทั้งคู่ ทำให้ สเปอร์ส เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง เปาโล กาซซานิก้า, โอลิเวอร์ สคริปป์ และ ซน เฮืองมิน ลงมาแทน อูโก้ โยริส,แฮร์รี่ วิงค์ส และ แฮร์รี่ เคน  

    แม้ สเปอร์ส จะครองเกมมากกว่า แต่ยังหาโอกาสยิงจะแจ้งไม่ได้ กลับกลายเป็น อินเตอร์ ที่ใช้เกมบีบเร็วเล่นงาน แถมยังมีจังหวะจบยิงนาทีที่75 จาก นิโกล่า บาเรลล่า บอลเข้ากรอบ แต่ เปาโล กาซซานิก้า ยังไม่พลาด

    ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงมาสัมผัสเกมด้วยกันทั้งคู่ รูปเกมไม่มีโอกาสเข้าทำกันเท่าไหร่ ทำให้หมดเวลา90 นาที เสมอกันไป 1-1 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ และเป็นฝ่าย อินเตอร์ มิลาน ที่ยิงแม่นกว่า เอาชนะไปได้ 4-3
    
    
11นักเตะของทั้งสองทีม

    สเปอร์ส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส – ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, ดาวิซอน ซานเซช, แยน แฟร์ต็องเก้น, แดนนี่ โรส – แฮร์รี่ วิงค์ส, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ – มุสซ่า ซิสโซโก้, เอริค ลาเมล่า,ลูคัส มูร่า – แฮร์รี่ เคน  

    เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่    

    อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช – มิลาน สคริเนียร์, สเตฟาน เดอ ฟราย,ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ – อันโตนิโอ คันเดรวา, โรแบร์โต้ จัคคิเรนี่, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, สเตฟาโน่ เซนซี่, ดัลแบร์ท เอ็นริเก้ – อิวาน เปริซิช, เซบาสเตียโน่ เอสโปซิโต้

    เทรนเนอร์ : อันโตนิโอ คอนเต้