3เหตุผลทำไมเชลซียังไม่ควรรีบตั้งแลมพาร์ดเป็นกุนซือใหม่
- 18 มิ.ย. 62 19:18
หลังจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด กลายเป็ตัวเต็งอันดับ 1 ในการเข้ามารับงานคุมทัพ “สิงห์บลูส์” ต่อจาก เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่โยกไปคุม ยูเวนตุส แทน มัสซิเมียลาโน่ อัลเลกรี ในซีซั่นหน้า
แม้ป๋าแลมพ์จะเป็นตำนานของทีม และเป็นขวัญใจของเหล่าแฟนบอล แต่ก็ปฏิเสธไม่ไดเว่าการดึงอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษมาคุมทัพตอนนี้นั้นมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากเจ้าตัวมีประสบการณ์คุมทีมอันน้อยนิด และอาจไม่เพียงพอต่อการช่วยทีมกลับมาประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และนี่คือเหตุผลที่สโมสรยังไม่ควรดึง แลมพาร์ด มาคุมทีมในเวลานี้
3.ประสบการณ์น้อยเกินไป
แลมพาร์ด เพิ่งจะเริ่มต้นอาชีพการุมทีมกับ ดาร์บี้ เคาท์ตี้ เป็นสโมสรแรกเมื่อซีซํ่นที่ผ่านมา และสามารถพา "แกะเขาเหล็ก" ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเพลย์ ออฟ เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนจะมาพ่ายต่อ แอสตัน สิลล่า ไปแบบน่าเสียดาย
แม้เขาจะเป็นตำนานของทีม และอาจได้รับการยอมรับจากแฟนบอลและนักเตะมากกว่ากุนซือรายอื่นๆ แต่หากมองในเรื่องประสบการณ์เขามีชั่วโมงบินอันน้อยนิดเพียง 1 ฤดูกาลเท่านั้น ทำให้ยังเรียนรู้ได้ไม่มากพอ ทั้งประสบการณ์ และการวางแทคติกต่างๆ ที่จะพา เชลซี ประสบความสำเร็จได้แบบทันท่วงที
การมาของ แลมพาร์ด จะทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับบรรดากุนซือชั้นนำในพรีเมียร์ลีกเช่น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสในการลุ้นแย่งแชมป์ในซีซํ่นหน้า
2.ความคาดหวังสูงลิบ
เป็นที่ทราบกันดีว่า โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย มีความคาดหวังที่สูงมากกว่าประธานคนใดในโลก ที่ผ่านมามีอดีตกุนซือชื่อดังหลายคนต่างโดนปลดออกไป แม้จะพาทีมคว้าแชมป์ได้ก็ตามไม่ว่าจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ หรือ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ซึ่ง แลมพาร์ด เองก็มีความเสี่ยงสูงที่อาจะตามรอยบรรดากุนซือเหล่านี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด หลังจากสโมสรโดนโทษแบนในตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ทำให้ในซีซั่นหน้าเขามีนักเตะให้เลือกใช้งานไม่มากนัก เมื่อต้องเสียแข้งตัวหลักอย่าง เอแด็น อาซาร์ ไปให้ เรอัล มาดริด ด้วยเหตุนี้ทำให้เป็นงานหนักของ แลมพาร์ด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ แลมพาร์ด จะเป็นตำนานของทีม แต่หากเขาไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของเสี่ยหมีได้ ก็เป็นเรื่องที่แฟนๆ "สิงห์บลูส์" คงรับได้ยากหากขวัญใจตลอดกาลของพวกเขาต้องมาโดนปลดออกไปแบบไร้เยื่อใยภายใน 1-2 ฤดูกาล
1.ยังมีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ
หากมองไปที่แคนดิเดตที่ถูกยกให้เป็นกุนซือใหม่ของ เชลซี ยังมีอีกหลายคนที่น่าสนใจ เริ่มที่ นูโน่ เอสปิเรโต้ ซานโต้ กุนซือจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่พาทีมจบอันดับ 7 บนตารางพร้อมคว้าตั๋วไปลุยศีกยูโรปาลีก นูโน่ เข้ามาสร้างทีมได้อย่างแข็งแกร่งและกลายเป็นของแสลงของบรรทีมทีมใหญ่ที่ยากจะต่อกรไปแล้ว และจะเกิดอะไรขึ้นหากกุนซือชาวโปรตุกีสได้รับอิสระในการใช้เงินทุ่มซื้อผู้เล่นมากขึ้นในอนาคตกับ เชลซี
ขณะที่อีกหนึ่งตัวเลือกอย่าง เอริค เทน ฮาร์ก กุนซือดัตช์แมนของ อาแจ็กซ์ ที่ได้รับการแต่งตั้งในปี 2017 พร้อมพาทีมมีอัตราการชนะที่ 74 % และสามารถพาทีมทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1996/97 พร้อมยังสร้างสมดุลของทีมระหว่างผู้เล่นเยาวชน และแข้งมากประสบการณ์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
สำหรับ ฮาร์ก ทำงานกุนซือมาแล้ว 4 ทีม ถ้านับรวม อาแจ็กซ์ เข้าไปด้วย และเขาก็อยู่ในแวดวงการคุมทีมมา 7 ปีแล้ว แน่นอนว่ามันไม่เยอะเท่ากับบรรดากุนซือชื่อดังหลายต่อหลายคน แต่มันก็ยังถือว่าเขามีประสบการณ์ที่ดีกว่า แลมพาร์ด ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
มันอาจดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นักหากจะดึง แลมพาร์ด มากู้สถานการณ์ในตอนนี้ ทั้งที่มีกุนซืออีกหลายคนที่เหมาะสมมากกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสโมสรจึงต้องให้เวลา และอดทน ในการรอคอย แลมพาร์ด ต่อไป ไม่เช่นนั้น อนาคตของเขากับ เชลซี อาจจบลงได้ไม่สวยตามที่แฟนๆคาดหวังเอาไว้…