ฤดูกาล 2018-19 ถือเป็นซีซั่นที่ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก พวกเขาเกือบจะได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90 ก่อนที่จะเป็นรองแชมป์โดยที่มีคะแนนน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเพียงแค่ 1 คะแนน ก่อนที่จะประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ด้วยการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครอง

    อย่างไรก็ตาม การที่ ลิเวอร์พูล มีขุมกำลังที่ทำผลงานได้สุดยอดแบบนี้ มันก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า "คุณจะสามารถทำให้ทีมที่แทบจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้วเก่งขึ้นไปอีกได้ยังไง ?" ซึ่งบางคนมองว่าการที่จะทำอย่างนั้นได้คือการเสริมทัพ แต่จนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล ก็ช็อปนักเตะระดับที่พร้อมลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในทันทีมาแค่คนเดียว นั่นคือ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กองหลังดาวรุ่งชาวดัตช์

    เรื่องดังกล่าวทำให้ "เดอะ ค็อป" บางคนหวาดวิตกว่าทีมรักของพวกเขาจะไม่สามารถสู้กับคู่แข่งทั้งใน พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ จนอาจจะไม่มีโอกาสสานต่อความสำเร็จทั้งที่ว่ากันว่านี่เป็นช่วงขาขึ้นของ ลิเวอร์พูล ซึ่งล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมคนเก่ง ก็ออกมาอธิบายนโยบายการเสริมทัพของทีมผ่านทางการให้สัมภาษณ์กับ ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อท้องถิ่นประจำย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ เพื่อไขข้อข้องใจของแฟนบอลทุกคน

    – ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการทุ่มเงินซื้อ ?
    เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน ลิเวอร์พูล สร้างความฮือฮาด้วยการทุ่มเงินเสริมทัพไปรวมแล้วมากกว่า 170 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,970 ล้านบาท) จนทำให้ได้นักเตะเก่งๆ มาหลายคน และคนเหล่านั้นก็มีส่วนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก

    ในทางกลับกัน จนถึงตอนนี้พวกเขาใช้เงินไปเพียง 1.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 53.3 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าตัวในเบื้องต้นของ ฟาน เดน เบิร์ก โดยค่าตัวของเขามีโอกาสพุ่งไปเป็น 4.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 180.4 ล้านบาท) ได้ ถ้าแข้งวัย 17 ปีทำผลงานได้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้

    อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา คล็อปป์ แสดงความเชื่อว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ทีมของตนไม่จำเป็นต้องเทงบก้อนโตเหมือนปีก่อน และตอนนี้เขาก็ยืนยันตามเดิม โดยมองว่าบางครั้งการแก้ปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากการทุ่มเงินช็อปเสมอไป

    "มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เลยนะ เมื่อปีก่อนผมบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ทีมดีขึ้นได้ด้วยการใช้เงินในระดับที่แค่สมเหตุสมผล คุณจะทำให้ทีมดีขึ้นได้อยู่เสมอถ้าใช้เงินแบบบ้าคลั่ง ถ้าคุณจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ ทีมก็มีโอกาสที่จะดีขึ้นได้"

    "แต่เราไม่ใช่สโมสรแบบนั้น เราทำแบบนั้นไม่ได้ เรารวยก็จริง แต่เราไม่สามารถทำแบบที่ทีมอื่นๆ ทำได้ มันก็แค่นั้นแหละ เราไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินก้นอโตด้วย เราต้องหาทางแก้ระหว่างฤดูกาล จริงอยู่ว่าบางครั้งคุณจะแก้ปัญหาในตลาดซื้อ-ขายนักเตะได้ และเราก็เคยทำแบบนั้นไปแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องพูดหรอกนะว่ามีใครบ้าง เพราะทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่จริงคุณต้องหาทางแก้ในสนามซ้อมด้วย และนั่นคือสิ่งที่เราทำอยู่ในตอนนี้"

    – ไม่ช็อปแน่นอน ?
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มีข่าวกับนักเตะฟอร์มฮอตมากหน้าหลายตา แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ใคร ซึ่งบางคนก็มองว่า คล็อปป์ อาจจะไม่ทุบกระปุกไปซื้อใครมาร่วมทีม เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าแกนหลักจากซีซั่นก่อนก็ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

    ถึงกระนั้น คล็อปป์ ก็บอกว่าตนพร้อมซื้อแน่นอน เพียงแต่มันอาจจะไม่ถึงขนาดใช้เงินเยอะเหมือนฤดูกาลที่แล้ว

    "เรายังพิจารณาที่จะทำการเสริมทัพ เพียงแต่มันจะไม่ใช่ตลาดที่ แอลเอฟซี ทำการเสริมทัพมากที่สุดก็เท่านั้น มันจะเป็นเพียงช่วงตลาดตามปกติ เราจะดูว่าเราทำอะไรได้บ้าง และถ้าท้ายที่สุดแล้วเราไม่ได้ช็อปใครเลยมันก็จะเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างออกไป นั่นก็คือการใช้ทีมชุดนี้ลงเล่นต่อไป"

    "ในตลาดซื้อ-ขายนักเตะน่ะ คุณต้องเสริมทัพโดยเน้นไปที่การสร้างทีมที่คิดว่าสามารถลงล่าแชมป์ได้ แต่ตอนนี้ผมมีทีมระดับนั้นอยู่แล้ว ถ้าเราเอาใครมาร่วมทีมได้มันก็จะถือว่าทีมของผมเก่งขึ้นไปอีก เราจะมารอดูกัน แต่ถ้าเราซื้อใครไม่ได้ มันก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเรามีทีมที่เก่งพออยู่แล้ว และมันก็เหมือนที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ว่าเราจะต้องหาทางแก้ปัญหาในหลายๆ ช่วง"

    "ฤดูกาลก่อนเราเริ่มต้นด้วยการมีเซนเตอร์แบ็ก 5 คน โดยที่ แนท ฟิลลิปส์ เป็นหนึ่งในนั้น แล้วมันก็มีเกมกับ ไบรท์ตัน ที่เรากลับเหลือเพียง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ให้ใช้งาน จนสุดท้ายเราก็เอา ฟาบินโญ่ มาเป็นคู่หูของเขาแบบขัดตาทัพ ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเล่นต่อไม่ไหวนี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง ผมจะเอาใครมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็กแทนดี ? ที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือคุณไม่มีทางเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกเรื่องได้ คุณต้องมีโชคช่วยสักนิด และเราก็มีโชคช่วยนิดหน่อยในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล เราผ่านพ้นมันมาได้, คว้าแชมป์มาได้ และตอนนี้เราก็จะพยายามกันอีกครั้ง"

    – ยุทธศาสตร์การสร้างทีมทีม
    อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ช่วงซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล ยังไม่เที่ยวโปรยเงินในตลาดซื้อ-ขายนักเตะนั้น เป็นเพราะ "หงส์แดง" และ คล็อปป์ ให้ความสำคัญกับยุทธศสตร์ระยะยาว

    แทนที่จะไปกว้านซื้อนักเตะมาอยู่ในทีมมากมายก่ายกองจนทำให้แต่ละตำแหน่งมีนักเตะเยอะเกินไปชนิดเดินชนกันได้ ลิเวอร์พูล และ คล็อปป์ เลือกที่จะไม่ช็อปมากเกินความจำเป็น เพื่อเป็นการเว้นที่ให้เหล่าดาวรุ่งจากอะคาเดมี่มีโอกาสก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้ เหมือนอย่างรายของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โจ โกเมซ ที่แสดงให้เห็นว่าถ้าเก่งพอแล้วนั้น พวกเขาก็มีโอกาสที่จะได้พิสูจน์มัน ต่อให้จะมีแข้งจากทีมอื่นที่ ลิเวอร์พูล ซื้อเข้ามา ยืนขวางหน้าพวกเขาอยู่ก็ตาม

    "ยุทธศาสตร์การเสริมทัพมันควรจะเน้นไปที่ระยะยาว มันต้องเป็นระยะยาว จริงอยู่ว่าในระยะสั้นมันช่วยกลบปัญหาได้ แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหาให้หายขาด ถ้ามีใครเจ็บ จนคุณไปซื้อนักเตะเข้ามาเพื่อทดแทนเขา แล้วจากนั้นคนที่เจ็บสามารถกลับมาได้ในอีก 3 สัปดาห์ มันก็จะทำให้คุณมีนักเตะฝีเท้าดีในตำแหน่งเดียวกัน 2 คน"

    "การมีนักเตะเก่งๆ มากเกินไปมันไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาของนักเตะ มันเป็นเรื่องดีสำหรับคนภายนอกสโมสร เพราะพวกเขาสามารถพูดได้แบบชิลๆ ว่า -ถ้าหมอนี่ไม่ได้ลงเล่น หมอนี่ก็ลงเล่นแทนได้ หรือเขาอาจจะลงเล่นแทนได้- ถ้าคุณทำงานร่วมกันมาตลอดทั้งสัปดาห์ แต่กลับกลายเป็นว่าทั้ง 3 คน (ที่เป็นนักเตะประสบการณ์สูง) จากตำแหน่งเดียวกันดันลงเล่นไม่ได้ขึ้นมา มันก็จะไม่ได้ช่วยให้นักเตะเยาวชนเก่งขึ้น ความสำคัญน่ะมันไม่ใช่แค่ว่าการทำให้พวกเขายังมีความมั่นใจสักหน่อย คุณต้องสร้างสถานการณ์ที่คุณจำเป็นต้องมีแข้งเยาวชนด้วย นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่ เรามีแผนระยะยาว 100 เปอร์เซ็นต์อยู่เสมอ นั่นคือข้อดีของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้"

    – คนที่หายไปนานสามารถช่วยทีมได้
    คล็อปป์ เคยให้สัมภาษณ์เองว่าต่อให้ไม่ต้องช็อป แต่เขาก็เหมือนได้นักเตะ "หน้าใหม่" อยู่แล้ว จากการที่คนที่เจ็บไปนาน หรือหายหน้าหายตาจากทีมชุดใหญ่ไปนาน กลับมาช่วยทีมได้ อย่างเช่น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ริอาน บรูว์สเตอร์, อดัม ลัลลาน่า และ โกเมซ

    "มันขึ้นอยู่กับ อเล็กซ์ เองด้วย บางครั้งคนเราก็จะโชคดีเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ ส่วนบางครั้งก็โชคร้าย ตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนน่ะ เขามองโลกในแง่ดีมากๆ และตอนนี้ผมก็มีความสุขกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าเราต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆ กันอีกที"

    "แต่พูดกันตามตรงนะ ตอนนี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงเล่นได้ และมีความฟิตที่ดี ถ้านี่มันไม่เหมือนกับการได้นักเตะหน้าใหม่มาร่วมทีมแล้วล่ะก็ ผมก็ไม่รู้อีกแล้วว่าอะไรที่จะเข้าข่ายนั้น เขาเคยทำผลงานได้ดีให้เรา และเราจะต้องใช้เงินมากแค่ไหนกันถึงจะได้นักเตะระดับเขามาร่วมทีม ?"

    "มันยังมี ริอาน บรูว์สเตอร์, โจ โกเมซ, อดัม ลัลลาน่า ด้วย เรามีนักเตะเหล่านี้อยู่แล้ว ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่ต้องใช้งานพวกเขา ถ้าพวกเขาเล่นได้มันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่ได้ เราก็ต้องไปใช้คนอื่น มันก็แค่นั้นเอง ขุมกำลังมันต้องเป็นแบบนี้แหละ และนั่นคือสิ่งที่เราเชื่อมั่น"