“ปีศาจแดง” เดินหน้าถล่ม “ยูงทอง” ในเกมกระชับมิตรที่ เพิร์ธ, ออสเตรเลีย ขาดลอย 4-0 โดย เมสัน กรีนวู้ด เด็กปั้นวัย 17 แจ้งเกิดด้วยการยิงประตูแรกให้ทีมชุดใหญ่ ก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด, ฟิล โจนส์ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล จะดาหน้ากระทุ้งตาข่ายคนละเม็ด
เกมที่ อ็อปตัส สเตเดี้ยม เมื่อช่วงเย็นวันพุธที่ 17 ก.ค. 62 ที่ผ่านมา ทาง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนแปลงทีมถึง 9 ตำแหน่งจากชุดแรกที่เอาชนะกับ เพิร์ธ กลอรี่ 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ โดยมี 4 ราย ที่ไม่ได้อยู่ในทัพใหญ่วันนี้ได้แก่ ดาบิด เด เคอา, โรเมลู ลูกากู, ลี แกร้นท์ และ ลุค ชอว์ สำหรับแนวรุกชุดบู๊ ลีดส์ ใช้สามประสาน แดเนี่ยล เจมส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด ไอ้หนูเด็กปั้น ขณะที่ ฆวน มาต้า สวมบทกัปตันทีมคอยปั้น
ด้าน ยูงทอง ทีมใน แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ของกุนซือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า มีขุมกำลังให้เลือกใช้แค่ 16 ราย เท่ากับว่า พวกเขามีตัวสำรองเพียง 5 คนเท่านั้น ขณะที่นักเตะตัวจริงที่น่าสนใจได้แก่ แจ็ค แฮร์ริสัน อดีตปีก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ย้ายไปเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ และถูก ลีดส์ ยืมไปใช้งาน
เปิดฉากแค่ 2 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด หวิดขึ้นนำ เมื่อ ลินเดอเลิฟ พาบอลขึ้นหน้าแล้วจ่ายให้ แรชฟอร์ด ตะบันชนเสาอย่างน่าหวาดเสียว
จนผ่านมาถึง น.6 แฟนผีได้เฮจนได้เมื่อ ป็อกบา แทงตัดหลังแบ็กให้ วาน-บิสซาก้า สปีดเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วตบเข้ากลางให้ กรีนวู้ด สอดขึ้นมายิงเผาขนไม่เหลือซากส่ง แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 1-0 นับเป็นประตูแรกที่เจ้าตัวทำให้ทีมชุดใหญ่ด้วย
เกมส่วนใหญ่ตกเป็นของ ปีศาจแดง น.14 จากฟรีคิกระยะกว่า 30 หลา ป็อกบา อาสาวิ่งเข้าตะบันด้วยขวา ลูกพุ่งเฉียดเสาไปแบบได้ลุ้น
ยูงทอง มีโอกาสลุ้นประตูบ้างใน น.21 จากจังหวะที่ แฮร์ริสัน พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วซัดเน้นๆ ทว่าบอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย ถัดมา โรเมโร่ ต้องโชว์ซูเปอร์เซฟใช้ขาป้องกันลูกยิงเผาขนของผู้เล่น ลีดส์
น.27 แมนฯ ยูไนเต็ด โต้กลับได้เฉียบ แม็คโทมิเนย์ พาบอลจากแดนตัวเองขึ้นหน้าก่อนไหลออกซ้ายให้ แรชฟอร์ด โชว์สเต็ปหลอกกองหลัง ลีดส์ แล้วบรรจงแปด้วยขวานิ่มๆ ผ่านมือนายทวารคู่แข่งเข้าไปให้ ปีศาจแดง หนี 2-0
ท้ายครึ่งแรก น.44 เร้ด เดวิลส์ โต้กลับได้เฉียบอีกครั้ง ป็อกบา วางยาวเกือบ 40 หลาให้ แรชฟอร์ด ลากจี้เข้าหากองหลังตัวสุดท้ายแล้วไหลให้ เจมส์ สอดขึ้นมายิงทางขวา บอลผ่านมือนายประตูไปแล้วทว่าดันไปชนโคนเสาอย่างน่าเสียดาย จบ 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 2-0
ครึ่งหลัง โซลชา เปลี่ยนทีมยกชุดอีกครั้ง โดยใช้ โจเอล เปเรยร่า, แอชลี่ย์ ยัง, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, ดีโอโก้ ดาโล่ต์, เนมานย่า มาติช, อันเดรียส เปเรยร่า, ตาฮิธ ชอง, อังเคล โกเมส, เจสซี่ ลินการ์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
น.51 จากจังหวะเตะมุม เปเรยร่า เปิดให้ โจนส์ ทะยานโขกเน้นๆ เข้าไปเป็นประตูส่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ทะยาน 3-0 นับเป็นประตูแรกที่กองหลังจอมลุยทำได้นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2014 สมัยที่ เดวิด มอยส์ ยังคุมทีมในเกมบุกถล่ม เวสต์บรอมฯ 3-0
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังทำได้ดีกว่า จังหวะต่อมา เจ้าหนูโกเมส หวิดแจ้งเกิดได้เหมือน กรีนวู้ด เพื่อนร่วมรุ่น แต่ลูกยิงของเขา ถากเสาออกหลังไปนิดเดียว
น.69 ชอง พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนโดนกองหลัง ลีดส์ เกี่ยวขาล้ม ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันที และ มาร์กซิยาล อาสาสังหารเสียบมุมเข้าไปให้ เร้ด อาร์มี่ นำห่าง 4-0
เข้าสู่ น.78 โซลชา ถอด มาติช ออกไปพักแล้วส่ง เจมส์ การ์เนอร์ ที่ยิงประตูได้ในนัดก่อนลงสนาม จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด จบเกมจึงเอาชนะไปสวยงาม 4-0 เรียกความมั่นใจก่อนบินไปหวดกับ อินเตอร์ มิลาน ที่สิงคโปร์ต่อไปในวันที่ 20 ก.ค. นี้
รายชื่อผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด
ครึ่งแรก: เซร์คิโอ โรเมโร่, อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, เอริก ไบญี่, มาร์กอส โรโฮ, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, ปอล ป็อกบา, เมสัน กรีนวู้ด, ฆวน มาต้า, แดเนี่ยล เจมส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด
ครึ่งหลัง: โจเอล เปเรยร่า, ดีโอโก้ ดาโลต์, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, แอชลี่ย์ ยัง, อันเดรียส เปเรยร่า, อังเคล โกเมส, เนมานย่า มาติช (เจมส์ การ์เนอร์ น.78), ตาฮิธ ชอง, เจสซี่ ลินการ์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
สำรองไม่ได้ใช้: อั๊กเซล ตวนเซเบ้