การที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้น่าผิดหวังในฤดูกาล 2018-19 ทั้งประเด็นที่จบซีซั่นแบบมือเปล่าเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน และได้เพียงอันดับ 6 ในลีก ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ตัดสินใจยกเครื่องขุมกำลังของทีมครั้งใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนโยบายสำคัญสำหรับการเสริมทัพของเขาคือต้องดึงแข้งวัยหนุ่มมาร่วมทีม เพราะนักเตะเหล่านั้นจะมีความฮึกเหิมสูง

   การได้ แดเนี่ยล เจมส์ ปีกชาวเวลส์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็กขวาชาวอังกฤษที่ต่างก็มีอายุ 21 ปีทั้งคู่มาร่วมทีมถือเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงนโยบายที่ว่าได้เป็นอย่างดี ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่ได้ปิดตลาดไปแล้วแต่อย่างใด พวกเขายังมีข่าวกับนักเตะอีกมากหน้าหลายตา และหนึ่งในนั้นคือ ดานี่ โอลโม่ กองกลางดาวรุ่งของ ดินาโม ซาเกร็บ ทีมในลีกโครเอเชีย

 ข่าวระหว่าง โอลโม่ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น มาจาก สปอร์ตส์เก้ โนโวสตี้ สื่อในประเทศโครเอเชียเองเลย โดยว่ากันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 40 ล้านยูโร (ประมาณ 1,440 ล้านบาท) ไปแล้วด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักถึงนักเตะคนนี้สักหน่อย เผื่อว่าจะได้เห็นเจ้าตัวมาสวมเสื้อของ "ปีศาจแดง" ในอนาคตอันใกล้

 – ระดับเยาวชน

  ด้วยความที่เขาเกิดในเมืองเตราซ่า ประจำแคว้นกาตาลุนย่า ทำให้ โอลโม่ เริ่มฝึกฝีเท้ากับ เอสปันญ่อล ก่อนที่ บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญาทั้งขิงอคว้นกาตาลุนย่า และของประเทศสเปนจะเห็นแววเด่นของเขา จนดึงเจ้าตัวไปเข้า ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกเยาวชนอันเลื่องชื่อของทีมในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2007 โดยที่ตอนนั้นเขามีอายุแค่ 9 ปี

 โอลโม่ มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมมากๆ จนไต่ระดับในทีมเยาวชนของ บาร์เซโลน่า ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปกติแล้วนักเตะเยาวชนหลายคนของ บาร์เซโลน่า ที่มีพัฒนาการดีแบบนี้ก็จะเริ่มตั้งตารอคอยโอกาสที่จะได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น แต่พอเขาอายุได้ 17 ปี โอลโม่ กลับเลือกที่จะหอบข้าวของบินไปที่ โครเอเชีย เพื่อไปอยู่กับ ซาเกร็บ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014

 – ระดับอาชีพ

  นัดแรกของ โอลโม่ กับ ซาเกร็บ เกิดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 2015 ในเกมที่ทีมของเขาชนะ เอ็นโค โลโคโมติว่า 2-1 ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวยังได้ลงเล่นในฤดูกาล 2014-15 เพิ่มอีก 4 เกม และพอถึงฤดูกาล 2015-16 เขาก็โดนส่งไปปรับตัวและฝึกต่อกับทีมสำรองของ ซาเกร็บ

  ถึงแม้จำนวนประตูของเขากับทีมสำรองของ ซาเกร็บ ในฤดูกาลนั้นจะอยู่ที่ 2 ประตู แบ่งเป็นเกมลีก 1 ลูก กับ ยูฟ่า ยูธ ลีก (รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระดับเยาวชน) แต่ฟอร์มการปั้นเกมบุกและการลากเลื้อยของเขามันยอดเยี่ยมมากๆ จนทำให้เขาได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ในนัดปิดฤดูกาล 2015-16 ซึ่งวันนั้นเขาก็ทำแอสซิสต์ได้ด้วย

  พอถึงซีซั่น 2016-17 โอลโม่ ก็ยังไม่ค่อยได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เท่าไหร่ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ลงเป็นตัวจริงให้ทีมชุดใหญ่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2017 แล้วนั้น เขาก็ถูกใช้งานบ่อยขึ้น จนช่วง 6 นัดสุดท้ายในลีกได้เป็นตัวจริงทั้งหมด ทำให้ในซีซั่นนั้นผลงานของเขาในทีมชุดใหญ่อยู่ที่ 1 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีก 14 นัด

  ฤดูกาล 2017-18 ถือเป็นซีซั่นที่เขาถูกใช้งานในทีมชุดใหญ่บ่อยขึ้น และเขาก็ตอบแทนความคาดหวังนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำไป 8 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีก 26 นัด และพอถึงซีซั่นล่าสุดเขาก็ยังทำผลงานได้ดี ด้วยการลงเล่นในลีกไป 25 นัด พร้อมทำไป 8 ประตู กับ 3 แอสซิสต์

  ผลงานที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าจะบอกว่ามันเป็นเพราะเขาตัดสินใจหันหลังให้ ลา มาเซีย ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้มันก็ไม่ผิดอะไร เพราะย้อนกลับไปปี 2015 เขายังเคยพูดเองเลยว่า "ในช่วงที่ผมมีอายุเท่านี้น่ะ มันไม่มีทีมไหนอีกแล้ว (นอกจาก ซาเกร็บ) ที่จะทำให้ผมมีโอกาสได้ลงเล่นเยอะพอๆ กับ ดินาโม ผมพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่าการไปเล่นให้ทีมไหนๆ ก็ตาม แม้กระทั่งกับที่ ลา มาเซีย เองก็ตาม"

  "ที่จริงตอนแรกอดีตเพื่อนร่วมทีม บาร์เซโลน่า ของผมก็ตกใจมากๆ ที่ผมเลือกบอกลาทีมมา แต่แล้วพวกเขาก็เข้าใจว่าการย้ายมาอยู่กับ ดินาโม เป็นการเลือกที่ถูกต้อง ในขณะที่ผมได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว พวกเขากลับต้องรออีก 2 หรือ 3 ปี ซึ่งนั่นเป็นในกรณีที่สมมุติว่าพวกเขาได้ขึ้นทีมชุดใหญ่จริงๆ ด้วยนะ"

 – สไตล์การเล่น

  โอลโม่ เป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก และปีกทั้งสองฝั่ง โดยพักหลังมักจะถูกใช้งานในฐานะมิดฟิลด์ตัวรุกบ่อยกว่า โดยเขาชอบเอาชนะคู่แข่งด้วยการเลี้ยงบอลผ่านไปให้ได้มากๆ ซึ่งเขาก็ใช้เท้าทั้งสองข้างได้ดีจนช่วยให้ทำอย่างนั้นได้แบบไม่ยากเย็นนัก

  นอกจากนี้ ถึงแม้ โอลโม่ จะชอบยิงระยะไกลอยู่บ้าง แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับการผ่านบอลเพื่อต่อเกมรุกมากกว่า ถ้าจะมีจุดที่เขายังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่เห็นจะเป็นเรื่องที่เขาไม่ใช่จอมผ่านบอลทะลุช่องที่แม่นยำอะไรมากนัก แต่เป็นพวกเน้นผ่านบอลระยะสั้นๆ และเก่งด้านการลากบอลขึ้นมาจากในแดนของตัวเองมากกว่า

  ทั้งนี้ ถ้าหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตัว โอลโม่ ไปร่วมทัพ และเจ้าตัวยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ เขาก็จะทำให้ตัวรุกคนอื่นๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีอิสระในระดับหนึ่ง จากการที่ โอลโม่ สามารถรับบทบาทพาบอลขึ้นหน้าด้วยตัวเองได้ ซึ่งเขาก็อาจจะเป็นจิ๊กซอว์ที่ช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี