โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก 1

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

“ก้าวแรกผิดพลาด ก้าวต่อไปฮอตระเบิด” ภายในเวลา 3 ปี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปลี่ยนสภาพจากปีกความเร็วสูงกลายเป็นเครื่องจักรสังหารประตู และเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก แน่นอนว่าเครดิตทั้งหมดต้องยกให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งเลือกจับ “บังโม” เล่นบทบาทเกมรุกมากกว่าตอนที่เขาค้าแข้งกับ โรม่า

    แน่นอนว่านี่เป็นการทำงานที่สุดแสนน่าเหลือเชื่อสำหรับ ลิเวอร์พูล ในการเปลี่ยนตำแหน่ง และปรับสไตล์การเล่นของ "คิง ออฟ อียิปต์" ซึ่งทำให้เขาส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ถึง 74 ประตูจากการลงเล่น 109 แมตช์ให้กับ "เดอะ เร้ดส์" และทำให้เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอ, สองรางวัลรองเท้าทองคำ (ดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก) และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    อย่างไรก็ตาม กว่าที่ ซาลาห์ จะประสบความสำเร็จมากมายก่ายกองขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่แสนยากลำบากในช่วงแรกๆ ของการค้าแข้ง แล้ว "โม ซาลาห์" ทำยังไงถึงได้กลายเป็นหนึ่งในพ่อค้าแข้งที่เก่งที่สุดในโลก ณ เวลานี้ ?

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก 2

จุดเริ่มต้น

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    ต้องย้อนกลับไปในปี 2010 ตอนที่ ซาลาห์ อายุเพียง 18 ปี เขาได้ลงเล่นเปิดตัวกับสโมสรเอล โมคาวลูน ทีมในลีกแดนมัมมี่บ้านเกิด ซึ่งเขาเริ่มต้นด้วยการเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายก่อนที่โค้ชจะตัดสินใจเปลี่ยนอนาคต "คิง ออฟ อียิปต์" ให้ขยับขึ้นไปเล่นตำแหน่งปีก

    อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ ต้องพบกับเรื่องสุดโชคร้ายหลังเกิดเหตุการณ์ตะบุมบอนระหว่างแฟนบอลที่สนามพอร์ท เซด ส่งผลให้สมาคมฟุตบอลอียิปต์ ตัดสินใจสั่งยกเลิกการแข่งขันที่เหลืออยู่ของปี 2012 นั่นส่งผลให้ ซาลาห์ ต้องเคว้งคว้างไม่มีเกมลูกหนังให้ลงเล่นเพื่อพัฒนาฝีเท้า

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    จากเหตุการณ์ที่แสนเศร้า แต่ก็ยังมีเรื่องดีๆ แฝงอยู่ในเรื่องร้าย เมื่อ บาเซิ่ล ตัดสินใจคว้าตัว ซาลาห์ ไปร่วมทีมแบบฟรีเอเยนต์ ตอนนี้เจ้าตัวก็เนื้อเต้นสุดๆ และยอมรับข้อเสนอจากทีมดังในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อจะได้โอกาสค้าแข้งในยุโรป 

    ในเวลานั้น ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ โชว์สกิลการเล่นได้น่าทึ่งมากๆ เมื่อซัดไป 11 ประตู และได้ลงสนามในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรก รวมไปถึงนำต้นสังกัดทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก แน่นอนว่าเขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดในปะทะแข้งกับ สเปอร์ส และ เชลซี ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปของเจ้าตัว

 ความล้มเหลว

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    ในเดือนมกราคม 2014 ซาลาห์ ทำฝันตัวเองให้เป็นจริงในการได้เล่นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมกับ เชลซี แต่ความฝันนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นฝันร้าย โดยการย้ายครั้งนี้เจ้าตัวแทบไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก เพราะ โชเซ่ มูรินโญ่ (กุนซือในเวลานั้น) ไม่ค่อยประทับใจผลงานซักเท่าไหร่

    ตอนนั้น ซาลาห์ ยิงได้แค่ 2 ประตูในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และในฤดูกาล 2014–15 เจ้าตัวก็ไม่มีโอกาสได้ลงสนามมากเท่าที่ควร ทำให้ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ สุดท้าย "บังโม" ตัดสินใจอำลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อไปเล่นแบบยืมตัวกับ "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนตินา ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี 

โอกาสครั้งที่สอง

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    โอกาสครั้งที่สองของ "บังโม" เกิดขึ้นในอิตาลีใช่ไหม ? ตอบเลยว่า ใช่ ! ดาวเตะชาวแดนมัมมี่ ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น โดยเจ้าตัวคว้าโอกาสทองครั้งนี้เอาไว้แบบไม่ยอมปล่อยมือเลยทีเดียว ที่ลีกเมืองมะกะโรนี ซาลาห์ ตะบันไป 9 ประตูให้กับทีมดังแห่งเมืองฟลอเรนซ์ รวมไปถึงประตูที่ซัดใส่ สเปอร์ส 

    อย่างไรก็ตามหลังจาก 1 ฤดูกาลที่ย้ายไปเล่นชั่วคราวกับฟิออเรนติน่า เจ้าตัวก็ต้องย้ายไปเล่นแบบยืมตัวอีกครั้งกับ "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า ในฤดูกาล 2016–2017 และระเบิดฟอร์มจนทำให้ ทีมดังแห่งกรุงโรม ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อเขามาเล่นแบบถาวร 

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    ต้องยอมรับว่าการมาอยู่กับ โรม่า ทำให้ ซาลาห์ ระเบิดศักยภาพออกมาเต็มที่ สำหรับฤดูกาลแรก เขาซัดไป 15 ประตู และในซีซั่นที่สองตะบันไป 19 ประตู (จากการเล่นทุกรายการ)  แถมเขายังมีสถิติ 23 แอสซิสต์ ในสองซีซั่นที่เล่นให้กับ "จัลโล่รอสซี่" 

    ด้วยฟอร์มระดับเอกอุกับ โรม่า ทำให้เกิดกระแสความฮอตของ ซาลาห์ กลับมาอีกครั้ง และมีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ที่ติดต่อเข้ามาเพื่ออยากได้นักเตะไปร่วมทัพ หนึ่งในนั้นก็คือสโมสรที่ คล็อปป์ กำลังกุมบังเหียน ซึ่งในที่สุดก็ได้ตัวเขากลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีกครั้ง

 

โอกาสครั้งที่ 2 ! โม ซาลาห์ ทำยังไงถึงเป็นหนึ่งในแข้งเก่งที่สุดในโลก

    ในตอนนั้น "เดอะ เร้ดส์" ยอมควักกระเป๋า 36 ล้านปอนด์ (ราว 1,368 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าตัวของ ซาลาห์ แน่นอนว่านี่เป็นโอกาสของ ซาลาห์ ที่จะได้พิสูจน์ข้อสงสัยว่าทุกๆ คนคิดผิดว่าเขาไม่สามารถแจ้งเกิดในลีกที่ดีที่สุดในโลกได้ และตอนนี้เจ้าตัวก็ทำได้สำเร็จแล้ว 

เล่นสล็อต สร้างรายได้กันเถอะ สมัครรับทุนฟรี คลิกเลย!