"โมเดลเฟอร์กี้" ! โซลชา ควรให้โอกาสดาวรุ่งสู่ความสำเร็จ

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 1995 อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ได้ประดับยศฐาบรรดาศักดิ์ว่า “เซอร์” ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้กับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส และทีมต้องมียกเครื่องขุมกำลังเพื่ออนาคตใหม่

    หลังจากซีซั่นที่ไร้ความสำเร็จ "เฟอร์กี้" ตัดสินใจขายสตาร์ดังอย่าง มาร์ค ฮิวจ์ส, พอล อินซ์ และ อันเดร แคนเชลสกี้ ออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และไม่มีการซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีม โดย นายใหญ่เลือดวิสกี้ พยายามที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ต้องการดึงนักเตะที่มีประสบการณ์จากสโมสรอื่นๆ มาเสริมทัพ

    ด้วยเหตุนี้ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเลือกใช้บรรดานักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง พอล สโคลส์, เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์ และ แกรี่ กับ ฟิล เนวิลล์ ขึ้นมาเล่นร่วมกับ ไรอัน กิ๊กส์ ที่ได้รับโอกาสก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ "ผีแดง" ก่อนเพื่อนๆ ร่วมศูนย์เยาวชนยุค "เบบี้ บูม" จนนำไปสู่ตำนาน "คลาส ออฟ 92"

    ในเวลานั้น เฟอร์กูสัน ให้เหตุผลที่ตัดสินใจขายบรรดาสตาร์ดังของทีมออกไปว่า "แฟนบอลอาจจะไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนบอลยูไนเต็ด เงินก็มีความสำคัญสำหรับนักฟุตบอล" 

    อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นแมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ สื่อดังท้องถิ่นทำโพลล์ออกมาโดยระบุว่า 53 เปอร์เซ็นต์ของสาวก "เร้ด อาร์มี่" ต้องการให้ปลด เฟอร์กูสัน และเรื่องนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อ "ปีศาจแดง" แพ้ยับ แอสตัน วิลล่า 1-3 ในเกมเปิดฤดูกาลใหม่ พร้อมกับวลีเด็ดที่เป็นตราบาปติดตัว อลัน แฮนเซ่น ตำนานลิเวอร์พูลซึ่งทำหน้าที่กูรูลูกหนังให้สื่อเมืองผู้ดี จนถึงปัจจุบันว่า "คุณไม่มีทางได้แชมป์ด้วยการใช้เด็กพวกนี้หรอก" 

    บทสรุปสุดท้าย เฟอร์กี้ นำ แมนฯ ยู คว้าดับเบิ้ลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) ทำเอา แฮนเซ่น โดนเด็กผีนำวลีเด็ดมาล้อเลียนทุกครั้ง !!

    แม้ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อาจจะไม่ได้มีบารมีเทียบเท่ากับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในช่วงที่กุมบังเหียน "ปีศาจแดง" แต่ "น้าลูกอม" มีวิสัยทัศน์ที่อยากนำความสดใสคืนสู่ทัพ "เร้ด เดวิลส์" ด้วยการดึงความกระหายของบรรดานักเตะดาวรุ่งขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่

    อย่างไรก็ตาม โซลชา ต้องทำเหมือนกับที่ "เซอร์เฟอร์กี้" เคยทำ นั่นก็คือการขายสตาร์ดังของทีมบางคนซึ่งไม่ต้องการอยู่กับทีมออกไป นั่นหมายความว่าแผนการสร้างทีมใหม่ที่เจ้าตัวเคยบอกเอาไว้ว่าจะสร้างทีมโดยมี ปอล ป็อกบา เป็นศูนย์กลาง ดูท่าทางจะมีปัญหาซะแล้ว

    เหตุผลก็คือเมื่อเร็วๆ นี้ ดาวเตะชาวฝรั่งเศส เพิ่งจะออกมาลั่นวาจาว่าอยากออกไปหาความท้าทายใหม่ แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องความท้าทายเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จริงๆ แล้ว ป็อกบา ต้องการที่คว้าแชมป์รายการสำคัญๆ เพื่อประดับบารมีการเป็นพ่อค้าแข้ง แต่มันเป็นไปได้ยากกับ "ผีแดง" ชุดนี้ เพราะขนาด โซลชา ยังยอมรับว่า แมนฯ ยูฯ ยังห่างไกลจากระดับที่จะกลับไปยิ่งใหญ่

    แน่นอนว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ การยกเครื่องใหม่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ และถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ค่าตัวสำหรับ ป็อกบา และ โรเมลู ลูกากู ในราคาที่เหมาะสม พวกเขาก็ยินดีไม่มีปัญหาที่จะปล่อยสองสตาร์ดังออกจาก "โรงละครแห่งความฝัน" และ โซลชา ก็พร้อมที่จะสร้างทีมด้วยการลงทุนหาผู้เล่นใหม่เข้ามาร่วมทัพทั้งในอังกฤษ และต่างแดน รวมไปถึงดันดาวรุ่งพรสวรรค์ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ 

    นี่เป็นสิ่งที่ ทอมมี่ ด็อคเฮอร์ตี้ อดีตกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด (1972–1977) เคยทำเอาไว้ในช่วงต้นยุค 70 เขาจัดการหั่นบรรดานักเตะอีโก้สูง และพวกตำนานของทีมที่ยึดติดอยู่กับอดีตที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร พร้อมกับดึงนักเตะที่ไม่มีใครรู้จักมากนักอย่าง สตีฟ ค็อปเปลล์ และ กอร์ดอน ฮิลล์ มาร่วมทีม โดยเขาพยายามสร้าง "ผีแดง" ขึ้นมาใหม่ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่ทำให้ทีมเริ่มก้าวออกจากร่มงานที่ยิ่งใหญ่ในยุคเซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ 

     สำหรับในปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถก้าวพ้นร่มเงาความยิ่งใหญ่ในยุคของ "เฟอร์กี้" ได้เลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความโชคร้ายที่สโมสรมี เอ็ด วู้ดเวิร์ด นั่งเก้าอี้ผู้บริหารทีมที่มักจะใช้เงินแบบไม่ค่อยฉลาดในการทุ่มซื้อสตาร์ดังมาร่วมทีมโดยหวังผลแค่เรื่องทางการตลาดมากกว่าการพัฒนาสมดุล และโครงสร้างทีม 

     หาก แมนฯ ยูฯ ยังยึดติดกับ ป็อกบา และพร้อมมอบค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ปอนด์ (ราว 20.5 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำลายฝันของนักเตะที่ต้องการย้ายไปเล่นให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แต่ก็แค่ยื้อเวลาเพื่อให้แข้งแชมป์โลกอยู่กับทีมต่อไปเท่านั้น

    ด้วยเหตุนี้ โซลชา จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในการสร้างทีมเนื่องจากนักเตะสำคัญจ้องจะทิ้งทีมท่าเดียว ดังนั้นแทนที่ แมนฯ ยูฯ จะใช้เงินเพื่อสตาร์บางคนที่ไม่ทุ่มเทให้กับสโมสร พวกเขาน่าจะลองเสี่ยงใช้ความกระหายของบรรดาดาวรุ่งลงเล่นในฤดูกาลหน้าน่าจะดีกว่า 

    ทั้งนี้ "เซอร์เฟอร์กี้" เคยแสดงให้เห็นในหน้าประวัติศาสตร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วว่า พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ด้วยเด็กดาวรุ่งคะนองเดช ได้เช่นกัน