ทุกวันนี้ “สภาพความฟิต” เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเล่นฟุตบอล เพราะถ้าคุณฟิตเต็มที่ คุณก็จะสามารถวิ่งได้อย่างเต็มฝีเท้าทั้งเกม หรือเกือบตลอดทั้งเกม ซึ่งการทำอย่างนั้นได้ก็มีโอกาสที่จะส่งผลให้ทีมมีผลการแข่งขันที่ดีตามไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้านักเตะมึสภาพความฟิตย่ำแย่ พวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยทีมได้ดีเท่าที่ควร

    ผลงานในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายในฤดูกาลก่อนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการมีสาพความฟิตแย่มันเป็นยังไง โดยมีหลายเกมที่นักเตะของพวกเขาดูหมดแรงเร็วกว่าควรจะเป็น และมันก็มีผลทำให้ "ปีศาจแดง" จบฤดูกาลด้วยการเป็นเพียงอันดับ 6 ในลีกเท่านั้น

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เข้าใจถึงปัญหานั้นเป็นอย่างดี จนส่งผลให้เขากำหนดให้การเพิ่มสภาพความฟิตเป็นภารกิจสำคัญที่ทีมของตนต้องทำให้ได้ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ ซึ่งตลอดการเล่นเกมอุ่นเครื่อง 3 นัดที่ผ่านมาลูกทีมของ โซลชา ก็แสดงให้เห็นว่ามีสภาพความฟิตที่ดีระดับหนึ่ง สิ่งที่น่าสนใจก็คือพวกเขาทำอย่างนั้นได้ยังไง ?

    – ทีมงาน
    ชาร์ลี โอเว่น คือชื่อของโค้ชฟิตเนสคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาเข้ามาแทนที่ แกรี่ วอล์คเกอร์ กับ โรบิน ธอร์ป ที่แยกทางกับทีมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องรายงานให้ ริชาร์ด ฮอว์กิ้นส์ หัวหน้าฝ่ายฝึกด้านกีฬา และ ไมเคิ่ล เคล็กกี้ คนฝ่ายฝึกความแข็งแกร่งและสุขภาพรู้ด้วย

    ขณะเดียวกัน เอ็ด แลง ก็เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬาคนใหม่ของทีม โดย วอร์เรน จอยซ์ ที่เคยเป็นผู้จัดการทีมสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ร่วมกับ โซลชา มาก่อนนั้น เป็นคนแนะนำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ดึง แลง มาทำงานให้เองเลย

    แลง เผยว่า "หน้าที่สำคัญในตำแหน่งของผมคือการรวบรวมข้อมูล เราพยายามที่จะไม่ทำให้ตัวเองดูเหมือนว่าเหนือกว่านักเตะด้วยการเถียงกับพวกเขาเรื่องข้อมูล เราปรับปรุงให้มันดูดีขึ้น แต่เราก็อยากรวบรวมข้อมูลเพื่อดูว่าอะไรคือจุดแข็งกับจุดอ่อนของพวกเขา แล้วจากนั้นก็สร้างโปรแกรมการซ้อมของแต่ละคน

    "หลักๆ แล้วก็คือเรากำลังพยายามที่จะยกระดับการเล่นของพวกเขา ใช่ เราตามเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา แต่อีกด้านหนึ่งของการทำอย่างนั้นก็คือการเข้าใจถึงปัจจัยที่สำคัญของนักเตะแต่ละคนด้วย ดังนั้นการที่จะทำอย่างนั้นได้ก็อาจจะมาจากการทำอะไรแบบง่ายๆ อย่างเช่นการคุยกับนักเตะในทุกเช้า, ถามว่าพวกเขารู้สึกยังไง เป็นต้น พวกเขาจะมีสิทธิ์บอกด้วยว่าโปรแกรมการซ้อมของพวกเขาควรจะเป็นยังไง"

    – ปัญหา
    ฤดูกาลก่อน โซลชา มักจะย้ำอยู่เสมอว่าไม่ควรมีคู่แข่งทีมไหนที่วิ่งเยอะกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เขาเชื่อว่าการควบแบบเต็มฝีเท้าทั้งในด้านเกมรับและเกมรุกจะทำให้ทีมกลับมามีผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ เหมือนในสมัยที่เขายังเล่นให้กับทีมในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาก่อน อย่างไรก็ตาม การจะวิ่งได้เยอะแบบนั้น ตัวนักเตะก็ต้องมีสภาพความฟิตที่ดีด้วย

    ทีมนักวิทยาศาสตร์การกีฬาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดยิบ ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของฤดูกาลก่อนตัวเลขด้านการวิ่ง และการสปรินท์ระยะสั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงแบบฮวบฮาบ ซึ่งมันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมานาน และต้นตอของความล้าก็คือลูกทีมของ โซลชา ไม่มีสภาพร่างกายที่พร้อมจะวิ่งแบบเต็มฝีเท้าเป็นระยะเวลานานตามที่ โซลชา ต้องการได้นั่นเอง

    – แผนการซ้อมเพื่อทำให้นักเตะฟิตขึ้น
    ทุกวันนี้ โซลชา เน้นเกี่ยวกับการวิ่งเยอะข้นทั้งระหว่างการแบ่งทีมซ้อม และการซ้อมด้านแท็กติก โดยระยะทางในการวิ่งกับความเร็วจะขึ้นอยู่กับนักเตะแต่ละคน แต่มันก็ไม่ใช่ว่า โซลชา จะทำถูกไปซะหมด ซึ่งในจุดนี้ทีมวิทยาศาสตร์การกีฬาและฝ่ายวิเคราะห์จะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญมากๆ เพราะพวกเขาสามารถดัดแปลงการซ้อมได้ตามที่มองว่าเหมาะสมมากที่สุด โดยฝ่ายวิเคราะห์จะดูด้านเวลาในการตอบสนองของนักเตะ และการเร่งความเร็วเป็นพิเศษด้วย

    ทั้งนี้ นักเตะแต่ละคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับโปรแกรมการซ้อมของแต่ละคนตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อให้พวกเขาไปซ้อมกันในช่วงปิดฤดูกาล และตอนอยู่ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเมืองสตาร์ตการทัวร์ช่วงปรี-ซีซั่นของทีมนั้น นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องซ้อมมากถึง 14 ช่วงในระยะเวลา 9 วัน ซึ่งทุกช่วงของการซ้อมก็จะเริ่มขึ้นด้วยการออกกำลังกายแบบที่ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ โดยแต่ละคนจะซ้อมมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพกล้ามเนื้อของนักเตะเอง

    "อาการบาดเจ็บหลักๆ ที่เราเจอในพักหลังเป็นอาการบาดเจ็บตรงโคนขาหนีบ และเอ็นหลังหัวเข่า ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายของเราคือการทำให้มั่นใจว่าทุกคนจะพร้อมลงเล่นให้ผู้จัดการทีมตั้งแต่วันแรกของฤดูกาล ดังนั้นการซ้อมในขั้นต้นเราเลยให้ความสำคัญอย่างมากในการฝึกตรงโคนขาหนีบและเอ็นหลังหัวเข่า" ฮอว์กิ้นส์ ระบุ

    นอกจากนี้ ในการซ้อมช่วงปรี-ซีซั่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น มันก็มี 2 ใน 3 ที่เป็นการซ้อมแบบหนักกว่าปกติ 2 เท่า และลูกทีมของ โซลชา ยังต้องตื่นมาซ้อมในตอนเช้าของวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมาอีกต่างหาก ทั้งที่ในวันนั้นพวกเขาต้องประเดิมการอุ่นเครื่องช่วงปรี-ซีซั่น ของซัมเมอร์นี้ด้วยการเจอกับ เพิร์ธ กลอรี่ แถมทุกวันนี้นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องเข้ายิมมากขึ้นเพื่อทำให้สภาพร่างกายของพวกเขาเหมาะสำหรับสไตล์การเล่นที่ โซลชา วางเอาไว้เช่นกัน
    
    จนถึงตอนนี้ผลลัพธ์มันค่อนข้างน่าพอใจ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นด้วยจังหวะการเล่นที่ดีกว่าเดิมได้ แน่นอนว่ามันยังวัดอะไรได้ไม่มากนัก แต่มันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่น่าพอใจเลยทีเดียว