“ฟ็อกซ์ สปอร์ต เอเชีย” สื่อกีฬาชื่อดังตีข่าวสังเวียนแข้งของศึกฟุตบอล “ซีเกมส์ 2019” ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่จะเริ่มฟาดแข้งช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ใกล้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์แล้วทั้ง 3 สนาม คาดก่อนตุลาคมน่าจะเสร็จสิ้น ขณะที่สื่อเวียดนาม ออกโรงกังวลหวั่นเจ้าภาพใช้พื้นสนามเป็นหญ้าเทียมทั้งหมด เชื่อเป็นอุปสรรคในการลุ้นเหรียญทองในรอบ 60 ปีเป็นแน่ ส่วนการจับสลากแบ่งกลุ่มจะมีขึ้นในวันที่ 3 ต.ค.62 นี้

    เว็บไซต์ https://www.foxsportsasia.com หรือ "ฟ็อกซ์ สปอร์ต เอเชีย" สื่อกีฬาชื่อดังของทวีปเอเชีย ได้ออกมาตีข่าวในศึกฟุตบอลมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2019 ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.62 นี้

    ตามรายงานระบุว่า ทีมฟุตบอลชายและทีมฟุตบอลหญิง จะลงเล่นในวันที่ 25 พ.ย.62 ซึ่งเป็นก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน โดยจะใช้สนามแข่ง 3 สนามประกอบด้วย สนามริซาล เมโมเรียล , สนามมหาวิทยาลัยมากาติ และสนามบิญาน สเตเดี้ยม โดยนัดเปิดสนามที่เจ้าภาพจะลงเตะนัดแรก รวมถึงรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ จะใช้ริซาล เมโมเรียล เป็นสังเวียนแข้งทั้งหมด

    อย่างไรก็ตามยังมีการเปิดเผยจากเจ้าภาพฟิลิปปินส์เพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้ทั้ง 3 สนามใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์แล้ว เหลือเพียงแค่การติดตั้งไฟ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเท่านั้นเอง คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเดือนตุลาคมนี้อย่างแน่นอน

    ขณะเดียวกันสื่อของเวียดนาม ได้รายงานเพิ่มเติมอีกว่า ประเด็นสำคัญมีการคาดการณ์ว่า ทุกสนามจะเป็นสนามหญ้าเทียม ทำให้เวียดนามวิตกกันว่าจะเป็นอุปสรรคในการลุ้นแชมป์ฟุตบอลชายในซีเกมส์หนแรกในประวัติศาสตร์ แม้เคยได้มาแล้วหนึ่งครั้งในปี 1959 แต่ครั้งนั้นยังเป็นชื่อประเทศเวียดนามใต้อยู่ ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันจากชาติเจ้าภาพหรือสื่อฟิลิปปินส์ถึงพื้นสนามที่ใช้ในการแข่งขันแต่อย่างใด

    โดยการจับสลากแบ่งสายจะมีขึ้นในวันที่ 3 ต.ค.62 โดยทีมชาติไทย อยู่ในโถ 1 ในฐานะแชมป์เก่า ร่วมกับเจ้าภาพฟิลิปปินส์ ขณะที่โถ 2 มี อินโดนีเซีย , มาเลเซีย ด้านโถ 3 มี เมียนมาร์ , สิงคโปร์ , เวียดนาม และโถ 4 มี ลาว , กัมพูชา , ติมอร์ เลสเต , บรูไน โดยจะเริ่มแข่งขันแมตช์แรกในวันที่ 25 พ.ย.62 และรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 10 ธ.ค.62 ตามลำดับ

    สำหรับเจ้าเหรียญทองในศึกลูกหนังชาย "ซีเกมส์" ทีมชาติไทย คว้าได้มากที่สุด 16 ครั้ง ส่วนอันดับ 2 เป็น มาเลเซีย 6 ครั้ง , เมียนมา 5 ครั้ง , อินโดนีเซีย 2 ครั้ง และเวียดนาม 1 ครั้ง (สมัยยังเป็นประเทศเวียดนามใต้)