สมัยก่อนโลกฟุตบอลมันไม่ใช่วงการที่ยุ่งยากอะไร แค่ตั้งทีมฟุตบอลขึ้นมา และเล่นเพื่อทำผลงานให้ได้ตามเป้าหมายก็ถือว่าเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป แวดวงฟุตบอลก็ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่เลี่ยงไม่ได้หลายอย่างตามไปด้วยเป็นธรรมดา โดยเฉพาะประเด็นที่ชื่อว่า “เงิน”

   ทุกวันนี้ทีมฟุตบอลจะอยู่ได้ยากมากถ้าไม่มีสภาพการเงินที่ดี เพราะมันมีค่าใช้จ่ายหลายต่อหลายอย่าง อาทิเช่น การจ่ายค่าเหนื่อย, การซื้อตัวนักเตะ, การจ่ายค่าแรงใหัพนักงานประจำทีม เป็นต้น ซึ่งการจะหาเงินมาเข้าทีมได้มันก็มีหลายช่องทาง แต่ช่องทางที่สำคัญที่สุด และว่ากันว่าเป็นช่องทางที่ทำเงินให้บรรดาทีมฟุตบอลมากที่สุดก็คือสปอนเซอร์นั่นเอง

   แน่นอนว่ามันไม่ใช่ว่าบริษัทต่างๆ จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมฟุตบอลง่ายๆ มันต้องมีการเจรจาที่ดี และทีมฟุตบอลก็ต้องมีผลงานอันยอดเยี่ยมด้วย ถึงจะสามารถดึงดูดบริษัทต่างๆ ให้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมได้ ซึ่งตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหาในด้านสปอนเซอร์เลย และเราจะมาเจาะรายละเอียดเกี่ยวกับสปอนเซอร์ของพวกเขากัน

   – กองทัพสปอนเซอร์

  เมื่อวันพุธที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เพิ่งประกาศว่าพวกเขาเซ็นสัญญากับ 1XBET บริษัทเกี่ยวกับการพนัน เพื่อให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นพันธมิตรด้านแวดวงการพนันทั่วโลกของพวกเขา โดยที่มีการเซ็นสัญญากันเป็นเวลาหลายปี ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในสังคมของคนตะวันตกแล้วนั้น การพนันมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกมองในแง่ลบเหมือนบ้านเรา บรรดาทีมฟุตบอลใหญ่ๆ ก็แทบจะมีพันธมิตรด้านแวดวงการพนันกันทั้งนั้น

  ทั้งนี้ 1XBET ถือเป็นหนึ่งในบริษัทการพนันที่เติบโตได้รวดเร็วมากที่สุดในวงการนี้ จนทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะกลายเป็นขาใหญ่ในแวดวงการพนันได้ และถ้าอ้างอิงตามเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรแล้วนั้น ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ก็มีสปอนเซอร์มากถึง 26 รายด้วยกัน

  ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการตลาดของ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จอย่างมาก พวกเขาหาสปอนเซอร์เข้าทีมได้เป็นกอบเป็นกำและทำให้ทีมมีการเงินที่ดี อย่างเมื่อ 2 ปีก่อนก็เพิ่งเซ็นสัญญาให้ Western Union เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ตรงแขนชุดแข่งของพวกเขา โดยที่ ลิเวอร์พูล ได้เงินเข้ากระเป๋าจากดีลนี้ 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,025 ล้านบาท)

  นอกจากจะมีสปอนเซอร์ใหม่ ลิเวอร์พูล ก็ยังรักษาพันธมิตรดั้งเดิมเอาไว้ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Carlsberg ที่อยู่คู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 1992 โดยเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีการต่อสัญญากัน 5 ปี จนจะทำให้บริษัทเบียร์สัญชาติเดนมาร์กจะเป็นพันธมิตรด้านเบียร์อย่างเป็นทางการของทีมไปจนจบฤดูกาล 2023-24 และ Standard Chartered ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์บนหน้าอกชุดแข่งของทีมแทน Carlsberg ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา โดยทาง Standard Chartered เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมเป็นเวลา 5 ปีไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจะถึงนัดชิงดำของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของฤดูกาล 2017-18

 – เงินที่ไหลมาเทมา

  นอกจากสัญญามูลค่า 25 ล้านปอนด์กับ Western Union ตามที่กล่าวในเบื้องต้นแล้วนั้น ลิเวอร์พูล จะยังได้ค่าสปอนเซอร์จาก Standard Chartered สูงถึง 160 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,560 ล้านบาท) ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปี คิดเป็นฤดูกาลละ 32 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,312 ล้านบาท) โดยถือว่าเพิ่มขึ้นจากสัญญาฉบับก่อนนิดหน่อย เพราะก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูล ได้เงินจาก Standard Chartered เป็นจำนวน 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,230 ล้านบาท) ต่อซีซํ่น

 อย่างไรก็ตาม แค่จำนวนที่เพิ่มขึ้นมา 2 ล้านยูโร (ประมาณ 84 ล้านบาท) ต่อฤดูกาลมันก็ถือว่ามีคุณค่าอย่างมาก ซึ่งมันก็มีส่วนทำให้ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Brand Finance ออกมาบอกว่า ลิเวอร์พูล มีมูลค่าสูงถึง 1.02 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 41,820 ล้านบาท) และทำให้พวกเขาเป็นทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 6 ของโลก

 ตัวเลขดังกล่าวยิ่งน่าทึ่งขึ้นไปอีก เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าเมื่อปี 2017 Brand Finance ระบุว่า ลิเวอร์พูล มีมูลค่าอยู่ที่ 710 ล้านปอนด์ (ประมาณ 29,110 ล้านบาท) เท่านั้น ซึ่งที่จริงในปี 2017 ลิเวอร์พูล ก็มีอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเรื่องนั้นก็คือเงินจากสปอนเซอร์หลายต่อหลายเจ้านั่นเอง

 – สรุป

  นับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามาคุม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ก็มีพัฒนาการที่ดีมากๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่กระโดดเข้าหา ลิเวอร์พูล เพื่อทำสัญญาสปอนเซอร์ด้วยกัน และการที่ล่าสุดพวกเขาได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปเชยชม มันก็น่าจะทำให้ในอนาคต ลิเวอร์พูล มีสปอนเซอร์เยอะขึ้นไปอีก

  หลายปีก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล อาจจะทำได้เพียงมองทีมอื่นๆ ด้วยความเสียใจที่มีเงินจากสปอนเซอร์ไหลเข้าสโมสรเยอะกว่าพวกเขา แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว และถ้าแนวโน้มยังเป็นไปในทิศทางที่ดีแบบนี้ต่อไป มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ในอนาคต ลิเวอร์พูล จะถึงขนาดได้เงินจากสปอนเซอร์มากพอจนกลายเป็นทีมที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกไปในตัวด้วย เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าแบรนด์ของพวกเขามันขายได้อยู่แล้ว