“ถ้าคุณอยากเล่นให้สโมสรแห่งนี้น่ะ มันก็หมายความว่าคุณต้องทำให้ดีกว่านี้ ผมอยากให้ทีมของผมเป็นทีมที่ทำงานหนักที่สุดในลีกนี้ ผมจะประสบความสำเร็จในการทำงานกับที่นี่ และมันจะมีนักเตะบางคนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมเมื่อถึงเวลาที่เราประสบความสำเร็จ ผมอยากให้ทีมของเราเป็นทีมที่ทำงานหนักที่สุดในลีก สมัยยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ (เฟอร์กูสัน) เราก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”

 นั่นคือคำพูดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พูดเอาไว้หลังจากที่ทีมของเขาเพิ่งแพ้ เอฟเวอร์ตัน แบบหมดสภาพ 0-4 มาหมาดๆ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเขาสาบานว่ามันต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อที่ทีมจะกลับไปครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

 แน่นอน ในมุมหนึ่งนั้นการทำงานยังไม่ถึง 1 ปีเต็มยังดูอาจจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินการทำงานของ โซลชา แต่อีกมุมหนึ่งนั้น นับตั้งแต่ที่เข้ามากุมบังเหียนทีมเมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปีก่อน โซลชา ก็น่าจะต้องอยู่ในช่วงเริ่มปลูกฝังสิ่งที่ต้องการให้ทีมได้ไปแล้ว และวันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่าระหว่างปลายซีซั่นก่อนกับต้นซีซั่นนี้ โซลชา ปรับปรุงสิ่งต่างๆ ได้ตามสัญญาหรือไม่

 – ปลายฤดูกาล 2018-19

 หลังจากแพ้ เอฟเวอร์ตัน แบบหมดสภาพแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังเป๋ไม่หาย เพราะพวกเขาไม่ชนะใครเลยใน 4 เกมต่อมา ซึ่งก็เป็น 4 เกมสุดท้ายของซีซั่นพอดีด้วย แบ่งเป็นการแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2, เสมอ เชลซี 1-1, เจ๊า ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 1-1 และพ่าย คาร์ดิฟฟ์ 0-2

 ใน 4 เกมที่ว่า ไม่มีนัดไหนเลยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีทได้ ซ้ำร้ายยังทำประตูได้รวมแล้วเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น ขณะที่ในด้านการครองบอลนั้น เกมกับ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาก็ทำได้แย่มากจนได้ครองบอลเพียง 36.8 เปอร์เซ็นต์

 นอกจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมีปัญหาในการแย่งบอลมาครองในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งด้วย เพราะนัดที่ทำได้สูงสุดในด้านนี้คือ 5 ครั้ง ในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ แถมมันก็เป็นการได้ครองบอลในพื้นที่สุดท้ายที่แทบไม่มีประโยชน์อะไร เพราะนัดนั้นพวกเขาทำประตูไม่ได้เลย

 ตารางผลงานช่วง 4 เกมสุดท้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2018-19

 – ต้นฤดูกาล 2019-20

  หลังจากสาบานว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปลี่ยนทีมจากหน้ามือเป็นหลังมือ และมีเวลาพิจารณาคุณภาพของทีมอย่างเต็มที่ในช่วงปรี-ซีซั่น โซลชา ก็เปิดตัวได้อย่างสวยหรูด้วยการพาทีมชนะ เชลซี 4-0 น่าเศร้าที่ความร่าเริงของเหล่า "เร้ด อาร์มี่" ต้องดับหายไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่ายังดีใจได้ไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาเสมอ วูล์ฟส์ 1-1 ในนัดต่อมา ตามด้วยแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-2 แล้วก็มาเจ๊ากับ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 ในนัดล่าสุด

 ทั้งนี้ ในช่วงต้นซีซั่น 2019-20 ทีมของ โซลชา ถือว่ามีการปรับปรุงจากปลายฤดูกาลก่อนในระดับหนึ่ง เพราะพวกเขาชนะการดวลมากขึ้น, ได้ครองบอลมากกว่าเดิม, เสียประตูน้อยลงนิดหน่อย แถมยังมีค่าเฉลี่ยการวิ่งต่อเกมอยู่ที่ 106.9 กิโลเมตรต่อนัดอีกต่างหาก ซึ่งสื่อได้ว่าทีมมีสภาพความฟิตที่ดีในระดับหนึ่ง

 อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้ว โซลชา ยังไม่สามารถแก้ไขทีมได้ดีเท่าไหร่นัก เพราะว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดบอลได้น้อยลงอย่างน่าใจหาย ซ้ำร้ายจำนวนครั้งการแย่งบอลในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งก็ดันแย่ลงไปอีก ทั้งที่จริงๆ ในช่วงปลายซีซั่นก่อนผลงานด้านนี้ก็น่าผิดหวังพอตัวอยู่แล้ว

 ตารางผลงานช่วง 4 เกมแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2019-20

  สรุป : จากตัวเลขจะแสดงให้เห็นว่าผลงานบางด้านในต้นซีซั่นนี้ก็ถือว่าดีขึ้นจากฤดูกาลก่อน โดยที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นด้านชนะการดวล ส่วนเปอร์เซ็นต์การครองบอลกับจำนวนประตูที่ทำได้ถือว่าดีขึ้นนิดหน่อย

   ถึงกระนั้น โดยรวมแล้ว โซลชา ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนทีมไปในทางที่ดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะหลายด้านยังดูน่าเป็นห่วงเหมือนเดิม แถมบางประเด็นถึงขั้นแย่กว่าปลายฤดูกาลก่อนด้วยซ้ำ อย่างเช่นการแย่งบอลมาครองได้ในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง เป็นต้น ซึ่งนั่นก็เป็นโจทย์ที่ โซลชา ต้องรีบแก้ไขให้ได้ ถ้าหากอยากจะพิสูจน์ว่าเขาสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของทีมได้ตามที่สัญญาเอาไว้จริงๆ