พรีเมียร์ลีก สัปดาห์นี้ มีคู่บิ๊กแมตช์ คือ อาร์เซน่อล พบกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งถือเป็นเกมที่น่าติดตาม ขณะที่คู่อื่นๆก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ในสกู๊ปนี้ ทีมงาน Siamsport ก็คัด ประเด็นร้อนๆก่อนเกมมาให้แฟนๆได้อ่านกันเช่นเคย
นักบุญเปิดโบสถ์รับผีแดง
เซาธ์แฮมป์ตัน เพิ่งเก็บชัยชนะเหนือไบร์ทตัน ขณะที่แมนฯยูไนเต็ด แพ้คาบ้านต่อคริสตัล พาเลซ ในบ้านตัวเอง
ปัญหาของปีศาจแดง คือ พวกเขาจะไม่สามารถใช้งานลุค ชอว์ แบ็กซ้ายเลือดผู้ดี และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าตัวความหวังที่มีส่วนร่วมกับประตูมาทุกนัด ขณะที่ ดีโอโก้ ดาโลต์ จะกลับมาอีกก็หลังช่วงพักเบรคทีมชาติ
สถิติของเจ้าถิ่นไม่ค่อยดีนักเวลาเจอแมนยู เพราะ 15 เกมหลัง ชนะได้แค่ 3 เกม เสมอ 5 และแพ้ไปถึง 7
คู่นี้เวลาเจอกันมีประตูที่เกิดจากลูกฟรีคิก ถึง 7 ประตู โดยซีซั่นที่แล้ว เดอะ เซนต์ ทำได้จากลูกนิ่ง สองประตู ซึ่งตัวเลขนี้เป็นรองเพียงคู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯยูไนเต็ด เท่านั้น ที่ทำได้ 8 ประตู
นาธาน เรดมอนด์ ปีกตัวเก่งของเซาธ์ฯ คือนักเตะที่ทีมต้องฝากความหวัง เพราะเขามีส่วนร่วมกับประตูโดยตรง 4 ลูกจาก 4 นัดหลังสุดที่เล่นในบ้าน (3 ประตู 1 แอสซิสต์)
ปิดท้ายที่ แมนฯยูไนเต็ด คือทีมที่เอาชนะได้ที่สนาม เซนต์ แมรี่ส์ มากที่สุด โดยเอาชนะที่นี่ได้ถึง 10 ครั้ง
สิงห์บลูส์ฟัดดาบคู่
แฟร้งค์ แลมพาร์ด พาเชลซีเก็บชัยชนะได้เสียที จากชัยชนะเหนือนอริช ส่วนเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดก็แพ้เป็นเกมแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สิงห์บลูส์ คือทีมที่มีสถิติดีเยี่ยมเมื่อเจอกับทีมน้องใหม่ พวกเขาแพ้เพียง 3 นัดเท่านั้นจาก 80 นัด ที่เจอทีมเหล่านั้นในบ้านตัวเอง (ชนะ 66 เสมอ 11 แพ้ 3) และไม่เคยแพ้ในบ้านตัวเองเลยในเดือนสิงหาคม (ชนะ 10 เสมอ 1)
นับตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว แทมมี่ อับราฮัม เป็นนักเตะอังกฤษที่ทำประตูได้มากที่สุดใน 2 ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี(พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนชิพ) โดยมีตัวเลขที่ 28 ประตู
ทว่า หากเชลซีมีสถิติที่ดีแล้ว กลับมามองฝั่งเชฟฯยู ก็มีดีไม่แพ้กัน เมื่อ 22 เกมที่พวกเขาบุกเยือนทีมในลอนดอน บนลีกสูงสุดอังกฤษ ชัยชนะสองเกมที่ทำได้นั้นมาจากเกมบุกชนะเชลซีทั้งสองเกม
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ครั้งสุดท้ายนั้น ต้องย้อนไปเมื่อปี 1992 เลยทีเดียว
นกนางนวลล่องเรือใบที่เอติฮัด
หากแมนฯซิตี้ เก็บชัยชนะได้ จะทำให้พวกเขาแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว
ทัพเรือใบสีฟ้า เอาชนะ ไบร์ทตันได้ตลอดที่เจอกัน 5 นัดหลังสุดในทุกรายการ
เซร์คิโอ อเกวโร่ คือนักเตะที่ถูกฉโลกกับไบร์ทตัน โดยดาวยิงอาร์เจนไตน์ ยิงได้ทุกเกมที่เจอกัน โดยมากจากการยิงเข้ากรอบเพียง 3 ครั้ง
หงส์บุกเยือนเทิร์ฟ มัวร์ ไม่ง่าย
ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวที่เก็บชัยชนะได้สามเกมรวด และหากเก็บสามแต้มได้ ก็จะทำให้ยึดจ่าฝูงไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เจอร์เก้น คล็อปป์ มีลุ้นทำสถิติแซงหน้าของเคนนี่ ดัลกลิช ที่ทำไว้เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1990 โดยหากบุกชนะเบิร์นลี่ย์ ได้ จะทำให้หงส์แดงชนะติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกเป็นเกมที่ 13 ซึ่งจะเป็นสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในลีกมาแล้ว 20 เกม(ชนะ 16 เสมอ 4 ) และในรอบ 42 เกม พวกเขาแพ้นัดเดียวคือเกมที่แพ้ แมนฯซิตี้ 1-2 เมื่อเดือนมกราคม
ขณะที่ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ดาวยิงฟอร์มร้อนของเบิร์นลี่ย์ ทำไปแล้ว 13 ประตู ในปฏิทิน ปี 2019 มีเพียงเซร์คิโอ อเกวโร่ (16) และซาดิโอ มาเน่ (15) สองคนเท่านั้นที่ทำได้มากกว่าเขา
และหาก บาร์นส์ ทำประตูได้อีกในเกมนี้ จะทำให้เขาเป็นผู้เล่นเบิร์นลี่ย์ คนแรกที่ทำประตูในเกมพรีเมียร์ลีก 5 นัดติดต่อกัน
นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ สุดระอุ
ทั้งอาร์เซน่อล และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เพิ่งแพ้มาจากเกมล่าสุด
ไอ้ปืนใหญ่ เป็นทีมที่เล่นในช่วงเดือนกันยายนได้ดีที่สุดในลีก โดยเก็บชัยชนะได้ถึง 60 เกม และมีตัวเลขการชนะอยู่ที่ 61% เท่านั้นไม่พอเมื่อ อาร์เซน่อล เจอกับสเปอร์ส ในเดือนนี้ พวกเขาไม่แพ้ต่อไก่เดือยทองเลย นับตั้งแต่ปี 1969 (ชนะ 6 เสมอ 4)
อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส แพ้อาร์เซน่อล เพียง 2 เกมจาก 10 เกมล่าสุดที่เจอกัน ซึ่งสองเกมนั้นมาจากสองฤดูกาลหลังสุดที่บุกมาเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
อีกสถิติที่น่าสนใจคือ 5 จาก 14 ประตูที่คู่นี้เจอกัน คือมาจากลูกจุดโทษ แต่หากรวมทั้งหมดนั้น มีประตูจากจุดโทษถึง 18 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดเท่ากับการเจอกันของคู่ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ นิวคาสเซิ่ล
ขออีกหนึ่งประตูจะทำให้แฮร์รี่ เคน ทำสถิติสูงสุดในการยิงเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ เทียบเท่ากับ เอ็มมานูเอล อเดบาเยอร์ และบ็อบบี้ สมิธ ที่ 10 ประตู