เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์ 1

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

นับตั้งแต่ปิดฤดูกาล 2018-19 เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ออกมาพูดเรื่องอนาคตของตัวเองแบบใหญ่ๆ ถึง 3 ครั้ง เริ่มจากช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาที่บอกว่า จะไม่บอกลาทีมก่อนที่สัญญาฉบับปัจจุบันจะหมดลงในปี 2022 แน่ และบอกว่ามันยังไม่จำเป็นต้องมีการคุยเรื่องสัญญาฉบับใหม่ หลังจากที่ “เดอะ ค็อป” หลายคนอยากให้เขาคุมทีมไปอีกนาน จากการที่พาทีมทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในซีซั่นที่แล้ว

    ห่างหายไปสักพัก คล็อปป์ ก็จุดประเด็นเรื่องอนาคตของตัวเองอีกครั้งในตอนพูดอัดเป็นคลิปวิดีโอเพื่อนำไปเปิดในงานมอบรางวัลประจำปีของวงการฟุตบอลเยอรมนี โดยเดิมที คล็อปป์ ต้องไปร่วมงานจากการที่ได้รับรางวัลกุนซือชาวเยอรมันยอดเยี่ยม แต่เขาไปร่วมงานไม่ได้ ซึ่งในคลิปนั้นมีช่วงหนึ่งที่เขาพูดว่า "ผมไม่รู้หรอกว่าในอีก 2-3 ปีต่อจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ผมอาจจะเลิกคุมทีมไปเลยก็ได้ แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายความว่ามันจำเป็นต้องเกิดขึ้น แต่ถ้าผมเลิกคุมทีมไปจริงๆ พวกคุณก็จะได้ไม่ต้องแปลกใจกับมัน"

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    กระทั่งล่าสุด หลังจากถูก คิกเกอร์ สื่อในบ้านเกิดถามเรื่องที่เขาวางแผนจะพักจากการคุมทีมหรือไม่ อดีตนายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็พูดว่า "ถ้าผมตัดสินใจเพื่อตัวเองว่าไม่อยากคุมทีมต่อแล้วล่ะก็ ผมก็จะพักจากการทำงาน และในช่วง 1 ปีนั้นผมก็จะต้องทำการตัดสินใจ (เรื่องอาชีพการคุมทีม) ผมน่ะยังมีความกระตือรือร้นเต็มที่เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ผมมีปัญหา 1 อย่าง นั่นคือผมทำอะไรที่มัน -ครึ่งๆ กลางๆ- ไม่เป็น สำหรับผมแล้วมันมีแค่ -ทำให้เต็มที่ หรือไม่ก็ไม่ทำมันเลย- เท่านั้น"

    แน่นอน ถ้าเกิด คล็อปป์ เก็บข้าวของออกจาก แอนฟิลด์ ในปี 2022 จริงๆ มันก็จะถือเป็นข่าวร้ายอย่างมากของ ลิเวอร์พูล เพราะเขาคือคนที่ทำให้ทีมมีผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างในทุกวันนี้ ซึ่งหลายคนมองว่าคนที่มีโอกาสสูงที่สุดที่จะเป็นทายาทของ คล็อปป์ ก็คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลาง ลิเวอร์พูล โดยตอนนี้ เจอร์ราร์ด ก็กำลังกุมบังเหียน เรนเจอร์ส สโมสรในศึกสกอตติช พรีเมียร์ชิพ อยู่

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์ 2

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    ที่จริงแล้ว เจอร์ราร์ด เพิ่งคุมทีมระดับทีมชุดใหญ่เป็นฤดูกาลที่ 2 เท่านั้น โดยก่อนหน้านี้เคยคุมทีมระดับเยาวชนของ ลิเวอร์พูล มาก่อน ซึ่งวันนี้เราก็จะมาย้อนดูกันว่าผลงานของ เจอร์ราร์ด กับ เรนเจอร์ส มันดูดีแค่ไหน เผื่อว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นเขามาคอยสั่งการลูกทีมที่ข้างสนามที่ แอนฟิลด์

    – เกมรับ
    ด้วยความที่เคยมีสภาพการเงินย่ำแย่ เรนเจอร์ส จึงถูกสั่งปรับตกชั้นไปเล่นในลีกล่างๆ ของสกอตแลนด์ ก่อนที่จะหวนคืนสู่ลีกสูงสุดได้ในฤดูกาล 2016-17 แต่ถึงจะกลับมาเล่นใน พรีเมียร์ชิพ เกมรับของทีมก็ไม่ดีเท่าไหร่ จากการเสียไป 44 ประตูในฤดูกาล 2016-17 ตามด้วย 50 ประตูในซีซั่น 2017-18

    การเสียประตูเยอะขนาดนั้นมีส่วนทำให้ เรนเจอร์ส จบทั้ง 2 ฤดูกาลดังกล่าวด้วยการเป็นเพียงอันดับ 3 เท่านั้น ขณะที่ในซีซั่น 2017-18 เรนเจอร์ส ก็จอดป้ายในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ตั้งแต่รอบคัดเลือก รอบแรก จากการแพ้ โปรเกรส นีเดอร์คอร์น ทีมจากลักเซมเบิร์กด้วยสกอร์รวม 2 นัด 1-2 โดยในนัดแรกพวกเขาชนะที่บ้านของตัวเองก่อน 1-0 แต่ไปแพ้ที่บ้านของอีกฝ่าย 0-2

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นที่แล้ว เจอร์ราร์ด ทำให้เกมรับของ เรนเจอร์ส แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก พวกเขาเสียประตูในลีกไปเพียง 27 ลูก ซึ่งถ้านับเฉพาะการเล่นในลีกสูงสุดของสกอตแลนด์แล้วนั้น มันก็เป็นฤดูกาลที่ "เดอะ ไลท์บลูส์" เสียประตูน้อยที่สุด นับตั้งแต่ซีซั่น 2004-05 ที่พวกเขาเสียไป 22 ประตูเลย

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    ผลงานเกมรับที่เหนียวแน่นมีส่วนทำให้ เรนเจอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์ราร์ด จบฤดูกาล 2018-19 ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของลีก ส่วนใน ยูโรปา ลีก พวกเขาก็ผ่านรอบคัดเลือกมาตั้งแต่รอบแรกจนไปถึงรอบแบ่งกลุ่มได้ ก่อนที่สุดท้ายจะต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบนั้น

    ขณะที่ในฤดูกาลนี้หลังจากผ่านไปแล้ว 3 นัด เรนเจอร์ส ก็เพิ่งเสียไปเพียง 2 ประตู ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดของลีกในตอนนี้ ร่วมกับ เซนต์ เมียร์เรน

    – เกมรุก
    ฤดูกาล 2016-17 ที่เพิ่งกลับขึ้นมาลีกสูงสุดได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอะไรที่ เรนเจอร์ส จะทำประตูในลีกได้เพียง 56 ลูก เพราะขุมกำลังในแนวรุกของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ซึ่งพอถึงฤดูกาลต่อมาพวกเขาก็มีเกมรุกที่ดีขึ้น หลังจากยิงในลีกได้ 76 ประตู

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    อย่างไรก็ตาม พอมาถึงยุคของ เจอร์ราร์ด เกมรุกของ เรนเจอร์ส ก็ดุดันมากกว่าเดิม หลังจากพวกเขาทำประตูในลีกได้ 82 ลูก โดยอดีตยอดมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ก็สามารถปั้นให้ อัลเฟรโด้ โมเรโลส กองหน้าชาวโคลอมเบียเป็นยอดดาวยิงได้ด้วย หลังจากที่ โมเรโลส กดไป 30 ประตู จากการลงเล่นในทุกรายการ 48 นัด ทั้งที่ในซีซั่น 2017-18 แข้งวัย 23 ปี ทำประตูในทุกรายการได้แค่ 18 ลูก จากการลงเล่น 43 เกมในทุกรายการ

    ขณะที่ใน ยูโรปา ลีก เรนเจอร์ส ของ เจอร์ราร์ด สามารถทำประตูในรอบแบ่งกลุ่มได้ 8 ลูก โดยหนึ่งในนั้นคือการบุกไปแพ้ สปาร์ตัก มอสโก แบบฉิวเฉียด 3-4 แต่มันก็ยังมีเกมที่กองหน้าของพวกเขาเท้าบอดในเวทียุโรปเช่นกัน ประกอบด้วยเกมเจ๊า มอสโก ที่บ้านของตัวเอง 0-0, นัดเปิดบ้านเสมอกับ บียาร์เรอัล 0-0 และเกมที่ออกไปแพ้ ราปิด เวียนนา 0-1

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    ส่วนในฤดูกาลนี้นั้น ทีมของ เจอร์ราร์ด ทำประตูในลีกไปแล้ว 9 ลูก เป็นรองเพียง เซลติก คู่อริตลอดกาล ที่ทำไป 15 ประตูแค่ทีมเดียวเท่านั้น

    – สรุป
    ผลงานของ เจอร์ราร์ด ในฤดูกาล 2018-19 ถือว่าน่าประทับใจ ยิ่งพิจารณาถึงเรื่องที่ว่ามันเป็นการคุมทีมชุดใหญ่เป็นซีซั่นแรกของเขาก็ยิ่งต้องบอกว่ามันดูดีเลยทีเดียว เพราะแน่นอนว่าลึกๆ แล้วแฟนบอล เรนเจอร์ส ยังไม่ถึงขนาดหวังว่าทีมรักของพวกเขาจะซิวแชมป์ลีกมาครองได้ทันทีหรอก แค่เบียดสู้กับ เซลติก ได้สูสีขึ้นก็พอแล้ว ซึ่งสุดท้ายซีซั่นก่อน เรนเจอร์ส ก็แพ้ เซลติก ไป 9 แต้ม

 

เจาะผลงาน เจอร์ราร์ด ทายาทในอนาคตของ คล็อปป์

 

    ในฐานะตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะแทนที่ คล็อปป์ แล้วนั้น เจอร์ราร์ด ยังมีเวลาฝึกฝีมืออีกระยะหนึ่ง ซึ่งพอไปถึงตอนนั้นแล้วเขาอาจจะเก่งกว่านี้ และกลายเป็นอีก 1 อดีตแข้งคนดังที่กลับมาเป็นกุนซือให้ทีมที่ตัวเองเคยเล่นให้ เหมือนอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ของ เชลซี ก็ได้

เล่นสล็อต สร้างรายได้กันเถอะ สมัครรับทุนฟรี คลิกเลย!