สาวก “เร้ด อาร์มี่” ฝันสลายที่จะได้เห็น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นยืนหนึ่งเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากทำได้เพียงแค่บุกเสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ 1-1 ที่สนามโมลินิวซ์ สเตเดี้ยม ในแมตช์มันเดย์ไนท์ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

    เกมนี้ในครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้เหนือกว่าเจ้าบ้านทุกกระบวนยุทธ โดยไล่เพรสซิ่งกดดันจนแข้งวูล์ฟส์ แทบไม่ได้หายใจ และต่อเกมที่ถนัดได้ โดยความพยายามของ "ผีแดง" มาประสบความสำเร็จจากการประสานงานกันของสองคู่หู มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ที่จบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม

    สำหรับครึ่งหลัง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต นายใหญ่ "หมาป่า" แก้เกมมาได้ดีเยี่ยม จัดการกด แมนฯ ยูฯ จนเล่นไม่ค่อยเป็นเกมมากนัก และมาได้ประตูตีเสมอสุดสวยจาก รูเบน เนเวส แม้ตอนแรกแฟนบอลวูล์ฟส์ อาจจะใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะต้องลุ้นว่าได้ประตูไหม เมื่อกรรมการเช็กวีเออาร์ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่มีอะไรในกอไผ่

    ขณะที่จุดเปลี่ยนของเกมนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 68 เมื่อ ปอล ป็อกบา  พลาดช่วยให้ แมนฯ ยูฯ ได้ประตูขึ้นนำ เพราะดันยิงไม่เข้า โดยกรณีนี้แฟน "ผีแดง" หลายคนรู้สึกเสียดายมากๆ เนื่องจากหากจังหวะดังกล่าว แรชฟอร์ด เป็นคนยิง ไม่แน่ว่าทีมน่าจะจบเกมด้วยชัยชนะ

1. เจมส์ ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ

    สาวก "เร้ด อาร์มี่" อาจอยากให้สโมสรเซ็นสัญญานักเตะเข้ามาเพิ่มอีกสองคน แต่สำหรับ 3 นักเตะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องบอกว่าทำผลงานได้ดีเยี่ยมสำหรับการเล่นในเกมแรกที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อสัปดาห์ก่อน

    อารอน วาน-บิสซาก้า ยังคงเล่นได้ดีเยี่ยมไม่มีปัญหาอะไรเลยในการทำหน้าที่ตำแหน่งแบ็กขวา ขณะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เกมล่าสุดอาจจะมีพลาดบางจังหวะแต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก แต่กระนั้นเมื่อมองภาพรวมแล้ว ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ยังคงไว้วางใจได้เสมอในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก

    ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงหน่อยก็คือ แดเนี่ยล เจมส์ ซึ่งได้ลงเล่นตัวจริงเกมแรกให้กับ "ปีศาจแดง" ในแมตช์ที่โมลินิวซ์ แม้นักเตะจะโชว์ความเร็ว วิ่งกระชากลากเลื้อยทางฝั่งขวาจนทำให้ จอนนี่ แบ็กซ้ายวูล์ฟส์ ต้องเจองานหนักโดยเฉพาะในครึ่งแรก

    กระนั้น ดาวรุ่งทีมชาติเวลส์ ทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังโชว์ทักษะด้านลบนั่นก็คือการพุ่งล้มอีกต่างหากจนโดนใบเหลือง แน่นอนว่าสิ่งนี้อาจจะทำให้เขามีชื่อเสียงไม่ดี ดังนั้น โซลชา คงอาจจะต้องเรียกนักเตะมาอบรมว่าไม่ควรมีลูกเล่นตบตากรรมการแบบนี้

2. แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ประสานงานโดดเด่น
    หลังที่ยิงประตูที่สอง (มาร์กซิยาล) กับสาม (แรชฟอร์ด) ในเกมถล่ม เชลซี เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ยังคงโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจอีกครั้งในเกมมันเดย์ไนท์ โดยพวกเขาสามารถกดดันเกมรับของ "หมาป่า"  ได้ดีเยี่ยมมากๆ

    แรชฟอร์ด เริ่มต้นฤดูกาลนี้ราวกับนักเตะที่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง และเขาก็มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผลงานของเขาเป็นเรื่องผิดพลาด และพร้อมที่จะระเบิดฟอร์มเพียงเคลียร์ข้อสงสัยเรื่องศักยภาพของเขาให้หมดสิ้นไป

    ในส่วนของ มาร์กซิยาล คู่หูของ แรชฟอร์ด แม้ว่าซีซั่นที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนัก (สมัยมูรินโญ่คุมทีม) แต่ในฤดูกาลนี้เขาเล่นได้เข้าขากับ หัวหอกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ อย่างมาก โดยดูได้จากจังหวะที่ แรชฟอร์ด แอสซิสต์ให้ แข้งเลือดเฟร้นช์ เข้าไปส่งบอลตุงตาข่าย

    อย่างไรก็ตาม เกมนี้ "ปีศาจแดง" อาจจะคว้า 3 คะแนนสำคัญก็ได้ หากว่า แรชฟอร์ด ได้ทำหน้าที่เป็นคนยิงจุดโทษ ไม่แน่ว่าบอลอาจจะเข้าไปซุกก้นตาข่าย แต่งานนี้ ป็อกบา ดันเป็นคนขันอาสาทำนหน้าที่สำคัญ และยิงพลาดไปโดนผู้รักษาประตูเซฟ  ก็เลยทำแต้มหลุดมือไปสองคะแนน

 3. คลายข้อสงสัย ป็อกบา ยิงจุดโทษ
    หลังจากที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นในครึ่งแรก จนในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำ จากนั้นในครึ่งหลัง วูล์ฟส์ สามารถไล่ตีเสมอได้ ต่อมา แมนฯ ยูฯ เริ่มกลับมาเล่นเกมของตัวเองได้อีกครั้ง  และครองบอลได้ตลอดจนกระทั่งมาได้จุดโทษ จากการตะลุยเข้าไปของ ปอล ป็อกบา

    แน่นอนว่าจังหวะนี้แฟนบอล "ผีแดง" เตรียมกล่องเสียงรอเฮ เพราะหากพวกเขาได้ประตูกลับมาขึ้นนำอีกครั้ง โอกาสที่จะเก็บสามคะแนนก็มีค่อนข้างสูง และนั่นจะทำให้ทีมของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงอย่างสง่าผ่าเผยเลยทีเดียว

    สุดท้ายฝันหวานก็ต้องมลายสิ้นเมื่อ ป็อกบา ทำหน้าที่สังหารจุดโทษ แต่ยิงเต็มข้อล่อเต็มแข้งไปโดน รุย ปาตริซิโอ นายทวารโชว์ลีลาความหนึบเซฟได้อย่างสุดยอด โดยจังหวะนี้ทำให้ มิดฟิลด์แชมป์โลก ต้องกลายเป็นแข้งที่มีสถิติไม่น่าอภิรมย์เมื่อเขาพลาดจุดโทษเป็นหนที่ 4 นับตั้งแต่ซีซั่นทีแล้วจนถึงเกมล่าสุด ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดานักเตะในลีกช่วงเวลาเดียวกัน

    ขณะที่มีคำถามว่าทำไม แรชฟอร์ด ถึงไม่ได้เป็นคนยิงจุดโทษ เพราะมีความแน่นอนมากกว่า โดยเรื่องนี้  โซลชา ยืนยันว่า นักเตะทั้งสองคนได้รับคำสั่งให้ทำหน้าที่สังหารลูกจุดโทษประจำทีม และจะสลับกันรับหน้าที่ตามความเหมาะสม….แบบนี้ได้ด้วยเหรอ !!!???

4. วาน-บิสซาก้า โดดเด่นเป็นสง่า
    ปกติแล้วนักเตะที่เล่นเกมรุกมักจะได้รับคำชื่นชมว่าทำผลงานได้น่าอัศจรรย์ นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพราะการสร้างสรรค์เกมสามารถสร้างเรื่องอัศจรรย์ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผลงานสุดวิเศษบางครั้งก็มาจากนักเตะที่เล่นเกมรับโดดเด่นอย่างที่ วาน-บิสซาก้า แสดงให้เห็นอีกครั้งในแมตช์ล่าสุด

    แบ็กขาวดาวรุ่งพุ่งแรง เล่นเกมรับได้อย่างโดดเด่นมากๆ ในแมตช์เยือน วูล์ฟส์ เขาทำสถิติเข้าเสียบสกัดได้ถึง 9 ครั้ง โดย อดีตดาวเตะคริสตัล พาเลซ สามารถสกัดการเล่นเกมสวนกลับของเจ้าบ้านได้นับครั้งไม่ถ้วน แถมบางครั้งก็เปลี่ยนจังหวะจากเกมรับเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็วด้วย

    ในส่วนของผลงานเกมรับคงไม่ต้องเยินยออะไรกันมากนักเพราะสถิติในเกมนี้สามารถบ่งบอกได้ทุกอย่าง ส่วนเกมรุก วาน-บิสซาก้า ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสองจังหวะสำคัญที่ผ่านบอลทะลุเข้าในเขตโทษให้ เจสซี่ ลินการ์ด ทั้งสองจังหวะถือว่าเด็ดดวงสุดๆ แต่ ปีกเจ้าพ่อไอจี ดันทำหมูหกอย่างน่าเสียดาย

5. รูเบน เนเวส ประตูสุดงามเกือบเป็นหมัน
    ต้องยอมรับว่าเกมลูกหนังในปัจจุบันการได้ประตูไม่ควรรีบร้อนดีใจเร็วเกินไป เพราะประตูที่ทำได้อาจจะกลายเป็นหมันหากมีการเช็ค "วีเออาร์" แล้วระบุว่าจังหวะดังกล่าวอาจจะล้ำหน้า หรือมีการฟาวล์เกิดขึ้นก่อนที่บอลจะเข้าไปซุกก้นตาข่าย

    แมตช์นี้ก็เป็นอีกเกมที่ทำให้แฟนบอลเจ้าบ้านต้องใจหายใจคว่ำ เพราะจังหวะยิงประตูที่แสนงามหยดชดช้อยจาก เนเวส พุ่งเสียบคานเข้าไปอย่างสุดยอด แน่นอนว่าในเวลานั้นเสียงกองเชียร์วูล์ฟส์ดังสนั่น แต่พอได้เห็นปฏิกิริยาของ โจนาธาน มอสส์ ผู้ตัดสินที่รอฟังเจ้าหน้าที่วีเออาร์ แน่นอนว่าทำเอาแฟนบอลเจ้าบ้านเครียดกันทั้งสนาม

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเช็คจากภาพทุกอย่างแล้ว แน่นอนว่าจังหวะการยิงของ เนเวส เป็นประตูที่ขาวสะอาด ทำให้ วูล์ฟส์ กลับมาสู่เกมได้อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าจังหวะแบบนี้คงไม่มีใครจะตั้งข้อครหาว่าเป็นประตูที่ไม่ขาวสะอาด เพราะทั้งหมดได้รับการการันตีจาก "วีเออาร์" เรียบร้อยแล้ว
    

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจหลังเกม

– ป็อกบา พลาดจุดโทษเป็นหนที่ 4 นับตั้งแต่ซีซั่นทีแล้วจนถึงเกมล่าสุดที่เสมอ วูล์ฟส์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดานักเตะในลีกช่วงเวลาเดียวกัน

– ป็อกบา เป็นนักเตะที่รับหน้าที่ยิงจุดโทษในเกมพรีเมียร์ลีกมากที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่นที่ผ่านมา โดยซัดไป 11 ครั้ง แต่พลาด 4 หน
– วูล์ฟส์ เป็นทีมแรกที่ตามหลัง และไม่แพ้ 3 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกเมื่อปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

– "หมาป่า" ไม่แพ้ แมนฯ ยูฯ 4 เกมหลังสุดในการแข่งขันทุกรายการ (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 0) โดยครั้งสุดท้ายที่แพ้ "เร้ด เดวิลส์" เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2012 (แพ้ 0-5)

– โจนาธาน มอสส์ กรรมการ แจกใบเหลืองให้ แดเนี่ยล เจมส์ ข้อหาพุ่งล้ม และตอนนี้เป็นเป็นใบที่ 12 สำหรับข้อหาพุ่งล้มในเกมลีกนับตั้งแต่เปิดฉากซีซั่น 2017/18 ถือว่ามากกว่าท่านเปาคนอื่นๆ สองเท่า

– อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 53 ที่ทำประตูได้ถึง 50 ลูกให้กับ "ผีแดง" จากการเล่นทุกรายการ หลังจากซัด 1 ลูกให้ต้นสังกัดในเกมเสมอ 1-1

– 24 ปีกับ173 วัน เป็นอายุเฉลี่ยของนักเตะตัวจริงแมนฯ ยูฯ ในเกมพบ วูล์ฟส์ ซึ่งถือว่าเป็นทีมที่อายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และยังเป็นทีมที่อายุน้อยที่สุดในเกมลีกนับตั้งแต่ในแมตช์สุดท้ายของซีซั่น 2016/17 (22 ปี 284 วัน พบ คริสตัล พาเลซ)