“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มอีกสามแต้มได้ตามเป้า หลังบุกไปเชือด เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ที่สาวก “เดอะ ค็อป” ได้เฮไม่สุดคือการที่ทีมพลาดเก็บคลีนชีตจากการความเฟอะฟะของ อาเดรียน นายประตูมือสอง ผู้เป็นฮีโร่จากเกม ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ส่วนแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช้ำยิ่งกว่า เพราะถูก “วีเออาร์” ริบประตูชัยอีกแล้ว เลยทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 และนี่คือเกร็ดความรู้และสถิติที่น่าสนใจจากศึก พรีเมียร์ลีก ทั้ง 7 เกม เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา
อาร์เซน่อล 2-1 เบิร์นลี่ย์
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หัวหอก อาร์เซน่อล กด 7 ประตู จาก 4 เกม พรีเมียร์ลีก ที่เจอกับ เบิร์นลี่ย์ ซึ่งถือเป็นทีมคู่แข่งที่เจ้าตัวยิงได้มากที่สุด
– อเลซ็องดร์ ลากาเซ็ตต์ มีส่วนร่วมโดยตรง 28 ประตู (ยิง 21, แอสซิสต์ 7) จากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 36 นัดให้ อาร์เซน่อล ที่ เอมิเรตส์
สเตเดี้ยม ซึ่งถือว่ามากสุดในทีมเทียบเท่ากับ โอบาเมย็อง นับตั้งแต่เกมแรกที่เจ้าตัวลงเล่นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017
– ฌอน ไดช์ ผู้จัดการทีม เบิร์นลี่ย์ มีสถิติแพ้ 100% จากการเจอกับ อาร์เซน่อล 9 นัดในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นสถิติย่ำแย่สุดเทียบเท่ากับกุนซือ แกรี่ เม็กสัน ในการเจอกับ ลิเวอร์พูล (แพ้ 9 จาก 9 นัดเช่นกัน)
แอสตัน วิลล่า 1-2 บอร์นมัธ
– "สิงห์ผงาด" แพ้ 14 จาก 15 นัดหลังสุดในศึก พรีเมียร์ลีก (เสมอ 1) โดยชัยชนะครั้งล่าสุดของพวกเขาในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี คือการพิชิต นอริช ซิตี้ 2-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016
– แจ็ค กรีลิช กองกลาง วิลล่า กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่แพ้ 20 เกมติดต่อกัน
– บอร์นมัธ คว้าชัยเกมเยือนในศึก พรีเมียร์ลีก 3 จาก 6 นัดหลังสุด (เสมอ 1 แพ้ 2)
– ประตูขึ้นนำ 1-0 ของ บอร์นมัธ ที่ได้มาจากการยิงจุดโทษของ โจชัว คิง ในนาทีที่ 1:40 ถือเป็นประตูจากลูกจุดโทษเร็วสุดในศึก พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ประตูของ เซร์คิโอ อเกวโร่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015 (เกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)
ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 1-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
– ไบรท์ตัน แพ้ไม่เป็น สำหรับ 5 เกมที่เจอกับ เวสต์แฮม ในศึก พรีเมียร์ลีก (ชนะ 3 เสมอ 2)
– ก่อนมาเสมอในเกมนี้ เวสต์แฮม แพ้รวด 8 นัดหลังสุดในการลงเตะศึก พรีเมียร์ลีก ช่วงเดือนสิงหาคม
เอฟเวอร์ตัน 1-0 วัตฟอร์ด
– นับเฉพาะการเล่นในลีกสูงสุด วัตฟอร์ด เก็บได้แค่ 5 แต้มเท่านั้น จากความเป็นไปได้ทั้งหมด 75 แต้ม ในการบุกไปเยือนสองสโมสรดังแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ (เอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล) ซึ่งนั่นก็คือการเก็บชัยชนะได้แค่หนเดียว จาก 25 เกม (เสมอ 2 แพ้ 22)
– ฆาบี การ์เซีย ผู้จัดการทีม "แตนอาละวาด" แพ้ 6 เกมติดรวมทุกรายการเป็นครั้งแรกในอาชีพกุนซือ
– เอฟเวอร์ตัน เก็บชัยชนะเกมเหย้าในศึก พรีเมียร์ลีก 5 นัดติด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เคยทำได้ถึง 8 นัดติด ยุคกุนซือ โรนัลด์ คูมัน เมื่อเดือนเมษายน ปี 2017
– นอกจากนี้ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ยังเก็บคลีนชีตเกม พรีเมียร์ลีก ที่ กูดิสัน พาร์ค มา 6 นัดติดแล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติยาวนานสุด นับตั้งแต่ที่เคยทำได้ 7 นัดติดช่วงระหว่างเดือนมีนาคม ถึง กันยายน ปี 2013
นอริช ซิตี้ 3-1 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
– ตีมู ปุ๊กกี้ หัวหอก นอริช กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 4 ของสโมสรที่ทำแฮตทริกได้ในเกม พรีเมียร์ลีก และถือเป็นคนแรกในรอบ 26 ปี นับตั้งแต่ อีฟาน อีโกกู ที่ทำได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนกันยายน ปี 1993
– นอริช แพ้ไม่เป็น ใน 7 เกมหลังสุดที่เปิดบ้านเจอกับ นิวคาสเซิ่ล ศึก พรีเมียร์ลีก (ชนะ 5 เสมอ 2)
– ผู้จัดการทีม "สาลิกาดง" 5 รายหลังสุด ต่างประสบกับความพ่ายแพ้ในการคุมทีมลงเตะเกมเยือนครั้งแรกในศึก พรีเมียร์ลีก (อลัน พาร์ดิว, จอห์น คาร์เวอร์, สตีฟ แม็คคลาเรน, ราฟาเอล เบนิเตซ และ สตีฟ บรูซ กุนซือคนปัจจุบัน)
เซาธ์แฮมป์ตัน 1-2 ลิเวอร์พูล
– เจอร์เก้น คล็อปป์ กลายเป็นกุนซือ ลิเวอร์พูล ที่เก็บคะแนนเกมลีกแตะหลัก 300 แต้ม (ตอนนี้ 302 แต้ม) เร็วสุดในประวัติศาสตร์สโมสร โดยใช้จำนวนเกมแค่ 146 นัดเท่านั้น ทุบสถิติเดิมของ เคนนี่ ดัลกลิช ที่ทำเกณฑ์เดียวกันนี้ได้ใน 150 นัด
– จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงสนามทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม "หงส์แดง" ในเกมลีกครบ 100 นัด
– ลิเวอร์พูล คว้าชัย 11 เกมติด ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรในการเล่น พรีเมียร์ลีก เทียบเท่ากับเมื่อปี 2014 แต่สถิติสูงสุดของสโมสรยังคงเป็น 12 เกม สมัยเป็น ดิวิชั่น 1 เมื่อปี 1990
– ซาดิโอ มาเน่ ดาวยิงฟอร์มร้อน "หงส์แดง" กระทุ้งไปแล้ว 15 ประตู ในศึก พรีเมียร์ลีก ปี 2019 ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกคนในลีก (รองลงมาคือ เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอก แมนฯ ซิตี้ 14 ประตู)
– หากนับรวมทุกรายการ ปีนี้ มาเน่ กดไปแล้ว 20 ประตู ซึ่งถือว่ามากสุดในทีม "หงส์แดง" โดยที่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รั้งอันดับสอง (12 ประตู)
– เซาธ์แฮมป์ตัน แพ้รวดสองเกมแรกของฤดูกาลเป็นหนแรก นับตั้งแต่ซีซั่น 2012/13 ยุคกุนซือ ไนเจล แอดกิ้นส์
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
– เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสยิงมากถึง 30 ครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ สเปอร์ส โดนคู่แข่งล่อเป้ามากที่สุด นับตั้งแต่เกมที่เจอกับ ฟูแล่ม (31 ครั้ง) เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2011
– เซร์คิโอ อเกวโร่ ยอดดาวยิง "เรือใบสีฟ้า" กดไปแล้วถึง 97 ประตู ในเกม พรีเมียร์ลีก ณ สังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งมีแค่ เวย์น รูนี่ย์ (101 ประตูที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด) และ เธียร์รี่ ออง (114 ประตูที่ ไฮบิวรี่) เท่านั้น ที่ทำประตูในสนามเดียวได้มากกว่า
– ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกสุดฮอต แมนฯ ซิตี้ ทำประตูได้ 4 เกมติดเป็นครั้งแรกในอาชีพพ่อค้าแข้ง และในช่วง 4 เกมดังกล่าว เจ้าตัวกระทุ้งไปถึง 7 ตุง
– อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตู "ไก่เดือยทอง" ลงเล่นให้ทีมเป็นนัดที่ 300
– ขณะที่ แดนนี่ โรส แบ็กซ้าย สเปอร์ส รับใช้ทีมเป็นนัดที่ 200
– ลูคัส มูร่า ปีก "ไก่เดือยทอง" โหม่งทำประตูตีเสมอ 2-2 หลังถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองได้แค่ 19 วินาที
– 25 เกมหลังสุดรวมทุกรายการของ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาเก็บชัยชนะได้ถึง 23 เกม (เสมอ 1 แพ้ 1) แต่ทั้งสองเกมที่พวกเขาไม่ชนะคือการเจอกับ สเปอร์ส ทีมเดียว (เกมเมื่อคืนวันเสาร์ และเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯ เลกแรก เมื่อฤดูกาลก่อน ที่ ซิตี้ บุกไปพ่าย สเปอร์ส 0-1)
– Subinho –