หลังจากทีมชาติมาเลเซียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศชิงแชมป์เอเชีย 2018 ได้สำเร็จ แม้ว่าเกมรอบนี้จะพ่ายเกาหลีใต้ไป 1-2 แต่ก็ทำผลงานได้อย่างน่าสนใจ หลายชาติของเอเชียเริ่มจับตามองขุนพล “เสือเหลือง” ในชุดรองลงมาจากชุดนี้ เริ่มมีพัฒนาการเล่นที่ดีขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะเทคนิคเบสิกเฉพาะตัวของนักกีฬาเริ่มทำได้ดีขึ้นในการเอาชนะคู่ต่อสู้ในสนาม

    ซึ่งผลงานในช่วงปี 2018 -2019 นั้นสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย สร้างผลงานได้น่าสนใจ  ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 ผ่านเข้าสู่รอบก่อนชนะเลิศ,ยู-23 รอบคัดเลือก 2020 แม้จะพลาดโอกาสผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ไทยเป็นเจ้าภาพแต่ก็ทำผลงานได้ดีด้วยการมีแต้มเท่ากับ จีน 7 แต้ม (ชนะฟิลิปปินส์ 3-0,ชนะ ลาว 1-0,เสมอ จีน 2-2) แต่ชวดเข้ารอบเนื่องจากผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง

    รุ่นอายุ 19 ปี ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเอเชีย 2018, คว้าแชมป์ ยู-18 เอเอฟเอฟ 2018 ส่วนรุ่นอายุ ยู 16 ปี  คว้าอันดับสาม  ยู-15 เอเอฟเอฟ 2018 ,แชมป์ ยู-15 เอเอฟเอฟ 2019 นอกจากนั้นเวทีชิงแชมป์เอเชีย 2018 รุ่นอายุ 16 ปี ที่มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แม้ว่าจะไม่ผ่านเข้ารอบ  8 ทีมสุดท้าย จากการเก็บ 3 แต้ม ในการลงสนาม 3 เกม ชนะ ทาจิกิสถาน(รองแชมป์) 6-2, แพ้ ไทย 2-4 และ แพ้ ญี่ปุ่น 0-2  แต่พัฒนาการของเด็กชุดนั้นก็ถือว่าน่าสนใจ

    หลังบ้านของมาเลเซียกลายเป็นเรื่องน่าสนใจทำไม?ในช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมาทีมชาติมาเลเซียในระดับเยาวชนพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ “มอคตา ดาฮารี “ ที่มีมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 925,290,000 บาท ที่ตั้งอยู่ในกวนตัน รัฐปาหัง ประเทศมาเลเซีย โดยศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้คาดหวังกับการสร้างผลผลิตนักกีฬาฟุตบอลมาเลเซียสู่เวทีระดับโลกในอนาคตแบบเป็นขั้นเป็นตอนคาดหวังความสำเร็จได้ด้วยการตรวจวัดคุณภาพในแต่ละช่วง

    นอกจากแผนการพัฒนาที่ยิ่งยวดแล้ว ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติมาเลเซียแห่งนี้ที่ภาครัฐร่วมกับสมาคมฟุตบอลสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการเชิดชูความสามารถนักเตะชื่อดังของประเทศอย่าง  มอคตา ดาฮารี ตำนานกองหน้าทีมชาติมาเลเซีย ที่เสียชีวิตไปในวัย 37 ปี  ด้วยอาการกล้ามเนื้อเสื่อม ทุกคนคาดหวังว่าอยากเห็นนักเตะมาเลเซียยุคใหม่เกิดขึ้นมาด้วยความสามารถพิเศษเฉกเช่น “ซูเปอร์มอค”พร้อมกับแรงบันดาลใจที่ผูกติดกับสถานที่แห่งนี้  เพื่อขับขีดความสามารถของมาเลเซียสู่เวทีระดับทวีปและระดับโลกในอนาคตอันใกล้

    สำหรับ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ “มอคตา ดาฮารี “ แบ่งสัดส่วนพื้นทีได้อย่างน่าสนใจสถานที่แห่งนี้มีสนามฟุตบอลถึง 10 สนาม ด้วยหญ้าหลากหลายสายพันธุ์เพื่อสร้างความคุ้นเคย พร้อมกับมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา,โรงแรมที่พักเก็บตัวสำหรับนักกีฬา รวมไปถึงศูนย์ฟื้นฟูสภาพนักกีฬา ที่นี่จะเป็นแคมป์เก็บตัวระดับมาตรฐานของทีมชาติมาเลเซียในทุกๆชุด

    ส่วนเรื่องของบุคลากรด้านเทคนิคกับการสร้างเยาวชนได้ทำสัญญาว่าจ้าง ลิม เตียง คิม  กุนซือชาวมาเลเซีย ที่เคยเล่นให้กับแฮทธา เบอร์ลิน ผ่านงานการสร้างเยาวชนให้กับสโมสรฟุตบอล “เสือใต้”บาร์เยิร์น มิวนิค ยอดทีมแห่งบุนเดสลีกา อดีตที่ผ่านมากุนซือรายนี้สร้างนักเตะชื่อดังของเยอรมันขึ้นมาประดับวงการหลายคนทั้ง โทนี โครส,ฟิลิป ลาห์ม,บาสเตียน ซไวสไตเกอร์,โธมัส มุลเลอร์ ฯ มาเป็นผู้อำนวยการโครงการฯ โดยเซ็นสัญญาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งสัญญาของกุนซือรายนี้จะหมดลงในช่วง ต.ค.62

    ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ประกาศลาออกจากการเป็นเฮดโค้ชชุด ยู-16 มาเลเซีย หลังพาทีมตกรอบชิงแชมป์เอเชีย 2018 แต่ยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการตามระยะสัญญาที่เหลืออยู่  แม้ว่าจะมีข่าวว่า ลิม เตียง คิม   อาจจะไม่ต่อสัญญาเพราะว่าจะมีผู้อำนวยการชาวฝรั่งเศสเข้ามาสานงานต่อ แต่สิ่งที่กุนซือรายนี้สร้างไว้ให้ช่วยยกระดับเยาวชนมาเลเซียเป็นอย่างมาก

    เป้าหมายหลักแรกๆของศูนย์ฝึกแห่งนี้คือการสร้างพรสวรรค์ในการเล่นให้กับนักกีฬาระดับเยาวชน พร้อมกับการพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกายด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา อาหารและโภชนาการ โดยเฉพาะเรื่องของอาหารและโภชนาการทางกระทรวงกีฬาของมาเลเซียที่ดูแลโครงการนี้จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อขยับสู่อันดับต้นๆของเอเชีย ตั้งแต่รุ่นอายุ 16 ปี,18 ปี และ ต่ำกว่า 23 ปี พร้อมกับขยายเผ่าพันธุ์ความสามารถของนักกีฬาสู่การลงสนามแข่งขันในนามของสโมสรของรัฐต่างๆ ที่ศูนย์ฝึกแห่งนี้วางแนวทางการเล่นในระบบ 4-4-2 เป็นหลัก