สแตน คอลลีมอร์ ระบุ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังป้ายแดงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ฝีเท้ายังเทียบกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ไม่ได้เลย พร้อมชี้ ค่าตัวของ แม็กไกวร์ สูงเกินจริงไปมาก
สแตน คอลลีมอร์ อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก่งน้อยกว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็ก "หงส์แดง" และไม่ควรมีค่าตัวสูงถึง 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,280 ล้านบาท)
แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวตามล่าตัว แม็กไกวร์ มานาน หลังจากเกมรับของพวกเขามีสภาพย่ำแย่สุดๆ จนในที่สุด "ปีศาจแดง" ก็สมหวังด้วยการยอมจ่ายเงินถึง 80 ล้านปอนด์ จนทำให้แข้งวัย 26 ปี กลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนใหม่ ทุบสถิติเดิมที่เป็นของ ฟาน ไดค์ เรียบร้อย โดยของ ฟาน ไดค์ เกิดขึ้นในตอนที่เขาย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,075 ล้านบาท)
คอลลีมอร์ กล่าวผ่านคอลัมน์ของตัวเองใน เดอะ มิร์เรอร์ สื่อของเมืองผู้ดีว่า "ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้นักเตะที่พวกเขาต้องการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จากการจ่ายเงิน 80 ล้านปอนด์เพื่อซื้อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่พวกเขาจ่ายค่าตัวของเขาแพงกว่าความเป็นจริงถึง 2 เท่า"
"ยูไนเต็ด เปิดตัวนักเตะค่าตัวแพงของพวกเขาที่ดึงมาจาก เลสเตอร์ ด้วยสัญญา 6 ปี หลังจากที่ตามล่าเขามานาน พวกเขาเริ่มล่าตัวเขาตั้งแต่หลังจบศึก ฟุตบอลโลก ของช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน ผมชอบและเคารพ แม็กไกวร์ นะ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากๆ, เป็นผู้นำ และถือเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมากในห้องแต่งตัว"
"อย่างไรก็ตาม แข้งวัย 26 ปีรายนี้ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เลย โอเคว่าถ้าดูเฉพาะการเป็นกองหลังชาวอังกฤษและคุณสมบัติการเป็นผู้นำแล้วน่ะ แฮร์รี่ เหมาะเจาะสุดๆ แต่ถ้าคุณอยากได้นักเตะที่มีคุณภาพอันสุดยอดที่จะช่วยผลักดันให้คุณก้าวไปเป็นทีมลุ้นแชมป์ลีก หรือมีลุ้นแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วล่ะก็ ฟาน ไดค์ ก็คือคำตอบที่เหมาะที่สุด"
"แม้กระทั่งในตลาดปัจจุบันที่การย้ายทีมมีค่าตัวสูงสุดๆ แล้วน่ะ แม็กไกวร์ ก็ยังถือว่าแพงเกินไปอยู่ดี และในมุมมองของผม ยูไนเต็ด ก็จ่ายแพงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงของเขาถึง 2 เท่า จนทำให้เขาเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก"
"จริงอยู่ว่า แม็กไกวร์ ทำผลงานได้ดีกับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก ในตอนที่เจอกับทีมอย่าง ตูนิเซีย, ปานามา, โคลอมเบีย และ สวีเดน ก่อนที่จะพา เลสเตอร์ จบฤดูกาลก่อนด้วยการอยู่ในช่วงกลางๆ ของตารางคะแนนได้ แต่สำหรับผมแล้วค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,640 ล้านบาท) น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า"