สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงข่าวเปิดตัว อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่นเข้ามาเป็นกุนซือเอเชียคนแรกของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ต่อหน้าสื่อไทยอย่างเป็นทางการ ที่ ชั้น 24 ของตึก กกท.เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา

    โดยพล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ทีมชาติไทยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์อย่างเต็มที่

    นักข่าว: การเตรียมตัวในการเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย อากิระ นิชิโนะ มองเช่นใด?
    นิชิโนะ : "อาจจะเร็วเกินไปที่ตั้งความหวังระยะยาว แต่ผมจะทำงานแบบวันต่อวัน ในการดูนักเตะ อย่างไรก็ตาามเราต้องการผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งการเจอเวียดนาม จะต้องชนะให้ได้"

    นักข่าว : คุณจะมีเวลาเตรียมทีมาว 10 วัน ก่อนเจอกับ เวียดนาม คิดว่าความมีวินัยของของนักเตะไทยที่ต่างกับญี่ปุ่น จะส่งผลกระทบหรือไม่?
    นิชิโนะ : "ก่อนที่ผมจะพำาทีมไปฟุตบอลโลก 2018 สื่อก็ถามว่ามี 2 เดือน ซึ่งผมมีเวลาแค่นั้นแต่พาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย มีเวลา 10 วัน ผมเองก็ไม่เคยกลัวเลย ตรงกันข้ามนักเตะของญี่ปุ่นจะไปเวิลด์ คัพ ก็ต้องพัฒนา ส่วนของไทยก็สามารถยกระดับได้อีกเยอะ เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาได้อย่างแน่นอน 

    "จากประสบการณ์ที่เห็นนักเตะไทยมาแล้ว ผมสามารถยกระดับพวกเขาได้มากกว่านี้ เนื่องจากจะนำเทคนิคเดียวกันกับที่ใช้กับผู้เล่นทีมชาติญี่ปุ่นมาใช้"

    นักข่าว : จะนำสตาฟฟ์โค้ชทั้งหมดมาจากญี่ปุ่นในการทำทีมชุดใหญ่และ ยู 23 หรือจะมีสตาฟฟ์เป็นคนไทยหรือไม่?
    นิชิโนะ : "ตอนนี้ผมมาแค่เพียงคนเดียว ทว่าผมเองเห็นโค้ชคนไทยที่มีฝีมือ จึงตัดสินใจว่าจะมาแค่ 1 คน เพื่อสร้างสตาฟฟ์ทีมชาติไทยทั้งระบบ"

    นักข่าว : ในฐานะเป็นโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น มองว่าฟุตบอลไทยอยู่ในอันดับไหนของเอเชีย และจะสามารถพัฒนาขึ้นมาได้มากเพียงใด?
    นิชิโนะ : "ระหว่างเป็นโค้ชญี่ปุ่นก็พาทีมมาแข่งที่ไทย ทว่าทั้งผมและทีมมองว่าทีมชาติไทย ไม่สามารถเอาชนะได้โดยง่าย จำเป็นจะต้องใช้พลังงานที่สูง จึงเป็นทีมที่ดีทีมหนึ่ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมมีความรู้สึกว่าทีมชาติไทย สามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีก"

    นักข่าว : คุณเข้ามาทำทีมชาติไทยแค่คนเดียว ในปีหน้าจะมีการนำสตาฟฟ์จากญี่ปุ่นเข้ามาหรือไม่?
    นิชิโนะ : "ตอนนี้ยังตั้งใจอยากจะทำงานกับโค้ชไทย ผมยังตอบไม่ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หากผมต้องการแปลว่าพลังไม่พอแน่ๆ"

    นักข่าว : เวลาทีมชาติไทยมีการเตรียมทีมเวลาที่น้อย มักจะไม่ประสบความสำเร็จ คุณจะเริ่มทำงานอย่างไรก่อน?
    นิชิโนะ : "ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะทำได้ ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยจะพัฒนาไปได้ ต้องอาศัยแรงจากโค้ช แฟนบอล นักเตะ เชื่อมั่นว่าเราจะทำไดเ ผมจะเริ่มดูนักเตะเพื่อพิจารณาฟอร์มการเล่นทันที"

    นักข่าว : คุณคิดว่าจะทำทีมเป็นแชมป์ของกลุ่มเลยหรือไม่?
    นิชิโนะ : "มันคล้ายๆเป็นปรีซีเกมส์ก็ว่าได้ ถ้าดูจากทีมร่วมกลุ่มแล้ มันไม่ยากเกินไปในการผ่านเข้ารอบ แต่ก็ไม่ง่ายเกินไป แต่เราได้เปรียบตรงที่อยู่กับทีมอาเซียน เพราะการเดินทางไม่ยากเกินไป รวมทั้ง เวียดนาม, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย"

    จากนั้นได้เป็นการสอบถามไปยัง พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

    นักข่าว : จะมีการยืดหยุ่นในเรื่องของโปรแกรมไทยลีกให้เก็บตัวพอหรือไม่ หลังทีมชาติไทยจะได้เวลา 10 วัน ก่อนเจอกับ เวียดนาม? (ไทยลีก 2019 เตะเสร็จนัดสุดท้ายวันที่ 25 ส.ค.62)
    บิ๊กอ๊อด : "เรื่องนี้ต้องให้ คุณนิชิโนะ มีการหารือกับสโมสรสมาชิก เพื่อที่เขาจะได้รับทราบปัญหาต่างๆของสโมสร ส่วนการขยับโปรแกรมหรือไม่นั้น ขึ้นอยูกับการหารือของเขากับสโมสร อย่างไรก็ตามกรอบเวลาของเขาในการทำงาน ก็คงจะต้องเริ่มทันที"

    นักข่าว : การทำงาน ยู 23 หมาบถึงทำซีเกมส์ด้วยหรือไม่?
    บิ๊กอ๊อด : "เราจะส่งโค้ชยู 19 อย่าง อิสระ ศรีทะโร ไปให้ข้อมูลกับ นิชิโนะ เพราะเขาทำทีมมา 3 ปีแล้ว เด็กส่วนใหญ่ก็ขึ้นมาถึงอายุ 22 ปี นั่นจะช่วยในเรื่องของข้อมูลทีมอย่างมาก รวมทั้ง ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ก็คอยให้ข้อมูลของนักเตะชุดใหญ่ ในการไปดูเกมที่สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม"

    นักข่าว : ปัญหาของทีมชาติไทยทั้งชุดใหญ่และยู 23 ในเวลานี้ คือ กองหน้าไม่ผลิตสกอร์ที่เยอะ ทางฝั่ง นิชิโนะ ทราบดีหรือไม่?
    บิ๊กอ๊อด : "เท่าที่คุยกันเขาเองก็ทราบดี แต่เขาทำฟุตบอลด้วยปรัญชาที่ใช้นักเตะเป็นตัวจริง มากกว่าผู้เล่นสำรอง ซึ่งผมคงจะไม่พูดอะไรไม่ได้เพราะอาจจะเป็นการชี้แนะได้"

    นักข่าว : จะหาทีมให้อุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมก่อนเจอ เวียดนาม หรือไม่?
    บิ๊กอ๊อด : "เราต้องหารือกับทาง นิชิโนะ ว่าเขาจะอยากได้เกมอุ่นเครื่องหรือไม่ ถ้าจำเป็นก็จะเร่งหาให้ทันที"