เจอร์เก้น คล็อปป์ พาลิเวอร์พูลสตาร์ตในช่วงแรกของปรี-ซีซั่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเอาชนะทรานเมียร์ โรเวอร์ส 6-0 และ แบร็ดฟอร์ด 3-1 โดยโปรแกรมถัดไปคือการทัวร์อเมริกา ซึ่งจะเตะกับสามทีมแกร่งอย่าง โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ (19 ก.ค.) เซบีย่า (21 ก.ค.) และ สปอร์ติง ลิสบอน (24 ก.ค.)

    สำหรับการเจอสามทีมที่ว่านี้ คือบททดสอบของลิเวอร์พูล ก่อนที่จะเปิดซีซั่น ซึ่งทางลิเวอร์พูลเอ็คโค่ สื่อท้องถิ่นในเมืองลิเวอร์พูล ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความพร้อมโดยคำตอบนั้นเราน่าจะได้จากการทัวร์แผ่นดินลุงแซมในครั้งนี้

    – ใครจะก้าวขึ้นมาทดแทนในตำแหน่งสามประสานแดนหน้าได้?

    คำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามสำคัญในช่วงซัมเมอร์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ คอนเฟิร์มเองแล้วว่า ในช่วงแรกของซีซั่น ทีมจะไม่มีซาดิโอ มาเน่ อย่างแน่นอน เนื่องจากดาวยิงเซเนกัล ติดภารกิจกับทีมชาติ ที่จะลงเตะนัดชิง แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในวันที่ 19 ก.ค. แล้วหลังจากนั้น 3 สัปดาห์ก็จะเปิดฤดูกาลใหม่ ซึ่งมาเน่ อาจเรียกความฟิตไม่ทันเพื่อนๆคนอื่นแน่

    ตัวเลือกที่คล็อปป์ มีนั้น คือ ดิว็อค โอริกี้ ดาวยิงซูเปอร์ซับ หรือในรายของ ริอาน บรูวสเตอร์ ดาวรุ่งที่เฮดโค้ชเลือดด๊อยชท์ ไว้เนื้อเชื่อใจมากว่าพร้อมแล้วกับเกมพรีเมียร์ลีก 

    สำหรับโอริกี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าดีพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีม ซึ่งในการทัวร์อเมริกาครั้งนี้คือโอกาสครั้งใหญ่ของเขาที่จะทำให้คล็อปป์ ประทับใจ และการได้เจอกับทีมระดับยุโรปก็จะเป็นบททดสอบของเจ้าตัวได้

    – แผงกลางที่ดีที่สุดควรจะเป็นแบบไหน

    แผงมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล มันน่าปวดหัวสำหรับคล็อปป์เหลือเกินเมื่อซีซั่นที่แล้ว และปีนี้มันจะหนักยิ่งกว่าเดิมอีกแน่นอน

    คล็อปป์ จะมีกองกลางให้ใช้งานถึง 12 คน หากว่านาบี้ เกอิต้า และเซอร์ดาน ชากิรี่ กลับมาฟิตลงสนาม อย่างไรก็ตาม คนที่คล็อปป์จะเลือกส่งเล่นนั้นมีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ซึ่งตัวเลือกเหล่านั้นประกอบไปด้วย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จีนี่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, อดัม ลัลลาน่า ทั้งหมดนี้ต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง เช่นเดียวกับดาวรุ่งอย่าง แฮร์รี่ วิลสัน, ไรอัน เคนท์, เคอร์ติส โจนส์ และ เบน วู้ดเบิร์น ที่ก็อาจเป็นช้อยส์ให้คล็อปป์ได้เลือก

    คุณสามารถเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในลิสต์แล้วเจาะจงไปว่าทำไมพวกเขาถึงสมควรเป็นตัวจริง – ประสบการณ์, ความมุ่งมั่น, การวิ่งไม่เหน็ดเหนื่อย, ความมีประโยชน์, ความสามารถในการตัดเกม และเคลื่อนที่ไปข้างหน้า รวมถึง การเล่นลูกนิ่ง

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงปรี-ซีซั่นนี้ คือโอกาสที่คล็อปป์ จะได้ทดสอบผู้เล่นที่เหมาะสมกับแผนการเล่นมากที่สุดในตำแหน่งมิดฟิลด์ แน่นอน เรื่องฟอร์มการเล่นและเรื่องที่ว่าต้องเจอกับใครมันต้องถูกนำมาพิจารณาด้วยอยู่เสมอ แต่นักเตะทุกคนต่างก็มีโอกาสดีที่จะได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเก่งแค่ไหน โดยที่ต้องชิงชัยกับบรรดากองกลางเพื่อนร่วมทีมเก่งๆ ระหว่างการลงเล่นที่สหรัฐฯ

    – แล้วกองหลังล่ะ?

    เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คือ กองหลังระดับโลก แต่ปัญหาของผู้จัดการทีมคือใครกันล่ะที่เหมาะสมเป็นคู่หูของเขา

    โฌแอล มาติป เปล่งประกายเหลือเกินในเกมนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงในช่วงครึ่งซีซั่นหลังเมื่อปีที่แล้ว ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องมีมาติปอยู่ในทีมมาตลอด มาติปเล่นเคียงข้างกับ ฟาน ไดค์ ได้ดีเยี่ยม และไม่มีใครโต้งแย้งแน่ว่าเขาเหมาะสมหรือไม่

     อย่างไรก็ตาม หากใครจำได้เมื่อช่วงต้นซีซั่น ที่โจ โกเมซ สตาร์ทคู่กับฟาน ไดค์ เด็กหนุ่มทีมชาติอังกฤษ คือส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมสร้างสถิติเกมรับ ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บหนักเล่นงาน

    ส่วนเดยัน ลอฟเรน ก็ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่มีทั้งฝีมือและประสบการณ์ ขณะเดียวกัน เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก ก็เป็นคนที่น่าจับตามองเช่นเดียวกับ นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์

    ในการทัวร์อเมริกา เป็นโอกาสที่จะหาว่าใครจะก้าวขึ้นมาจับคู่กับ ฟาน ไดค์ มันก็คล้ายๆกับการหาตัวเลือกในแผงมิดฟิลด์ ที่ว่าฟอร์มการเล่นกับคู่แข่ง ก็ต้องถูกนำมาพิจารณา แต่ ทั้งโกเมซ และ มาติป คือสองช้อยส์ที่เป็นตัวเลือก ส่วนทางด้านลอฟเรน อาจต้องเจองานหนักกว่าสองคนนั้นหากจะเป็นตัวเลือกแรก ขณะที่ ฟาน เดน เบิร์ก ก็อาจเป็นไปได้ว่า เขาอาจจะต้องใช้เวลาในเมลวู้ดไปก่อน

    ไม่มีอะไรแน่นอนเลยว่า คล็อปป์จะประทับใจในการฝึกซ้อมหรือแมตช์แข่งขัน ดังนั้น เกมที่กำลังจะมาถึงจะทำให้เขาแน่ใจมากขึ้นว่าใครควรเป็นตัวจริง

    สำหรับตัวเลือกแบ็กซ้ายในทีมชุดใหญ่ที่จะเป็นแบ็คอัพของแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันในตอนนี้ยังไม่มีเลย ซึ่งอาจเป็นตำแหน่งที่ต้องการในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ ขณะที่แบ็กขวา นาธาเนี่ล ไคลน์ ก็ต้องพิสูจน์ฝีเท้าในการแย่งชิงกับเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

    ในทัวร์อเมริกา ก็เป็นโอกาสที่ดีของบรรดาดาวรุ่งแบ็กซ้ายทั้ง อดัม ลูอิส และ ยาสเซอร์ ลารูชี่ ที่จะได้เล่นแบ็กซ้ายแทนโรเบิร์ตสัน เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขามีดีพอที่จะร่วมเป็นหนึ่งกับทีมที่ดีที่สุดในยุโรป

    – ใครควรจะถูกปล่อยยืมหรือขายขาด และช่องว่างที่ต้องเติมเต็ม ?

    ด้วยจำนวนผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ที่เจอร์เก้น คล็อปป์มี ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเกินความต้องการทีมในซีซั่นใหม่นี้

    ในทัวร์อเมริกา คล็อปป์ อาจได้เห็นมุมมองในเชิงลึกว่าใครเป็นผู้เล่นที่น่าจะถูกปล่อยยืม และใครที่เหมาะสมจะอยู่ในทีมชุดใหญ่ในอนาคต รวมถึงใครที่สมควรถูกขายออกไปให้เหมาะสมกับค่าตัว

    นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งที่ได้ถูกเลือกเข้ามาเพื่อหาโอกาส แต่หากว่าใครที่ยังไม่พร้อมที่จะต่อสู้แย่งตัวจริงในลักษณะที่คล็อปป์ต้องการ ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาอาจถูกส่งยืมตัวไปเพื่อโอกาสในการพัฒนาตัวเอง

    – ดาวรุ่งคนไหนจะดีพอสำหรับเกมพรีเมียร์ลีก

    มีผู้เล่นจากชุดเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ได้โอกาสติดทีมชุดนี้มา ไม่ว่าจะ อดัม ลูอิส, ยาสเซอร์ ลารูชี่, คิ-ยาน่า ฮูแฟร์, บ็อบบี้ ดันแคน, แดน เอเธอร์ตัน และ ยาคุบ ออร์ซินสกี้

    ลูอิส วัย 19 ปี และ ลารูชี่ วัย 18 ปี คือสองแบ็กซ้ายที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในสองเกมแรกของช่วงฟรี-ซีซั่น ทั้งสองพยายามทำให้คล็อปป์ ประทับใจ กับการได้รับโอกาสในการทัวร์ครั้งนี้ ซึ่งคล็อปป์เองก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาซื้อใครมาเป็นแบ็คอัพของโรเบิร์ตสัน ซึ่งเขาก็ใช้โอกาสนี้ในการหาตัวเลือก

    สำหรับฮูแฟร์ ได้รับโอกาสเล่นทีมชุดใหญ่มาแล้วในเกมฟุตบอล เอฟเอ คัพ นัดที่เจอวูล์ฟแฮมป์ตัน รอบสาม ส่วนดันแคน กองหน้าดาวรุ่ง ที่โอกาสในเกมลีกยังมีน้อย อย่างไรก็ตามการพัฒนาของพวกเขายังถูกจับตามองอยู่เรื่อยมาและการทัวร์อเมริกาครั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ความสามารถของทั้งคู่ในอนาคต

    ส่วนสองผู้รักษาประตูดาวรุ่งอย่าง เอเธอตัน และ ออร์ซินสกี้ คงไม่สามารถก้าวขึ้นไปเบียดอลีสซง เบ็คเกอร์ และซิมง มินโญเล่ต์ ได้ในทีมชุดใหญ่ แต่นี่มันก็คือโอกาสทองที่การเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับผู้เล่นทีมชุดใหญ่

    – 4-3-3 คือระบบที่ดีที่สุด ?

    ระบบ 4-3-3 คือแผนที่คล็อปป์นิยมใช้มากที่สุด และแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่ได้มา ซาลาห์ ยืนฝั่งขวาคอยตัดเข้ากลาง มีมาเน่ ยืนฝั่งซ้าย และ ฟีร์มีโน่คอยเชื่อมให้เกิดสามประสานที่ยากจะหยุดยั้ง

    เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เราเคยเห็นระบบ 4-2-3-1 ที่ใช้เซอร์ดาน ชากิรี่ เป็นตัวรุกคนที่สี่ทางฝั่งขวา แล้วมีซาลาห์ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า แล้วถอยฟีร์มีโน่มาเล่นตำแหน่งหมายเลข 10

    ทั้งสองระบบไม่สงสัยเลยว่าเราจะได้เห็นคล็อปป์ใช้อีกแน่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคู่แข่งที่ต้องเผชิญและความฟิตของผู้เล่น 

    ส่วนแผนอื่นๆ อาจจะเคยเห็นบ้างกับแผน 4-4-2 แบบไดมอนด์ ซึ่งถูกใช้ในซีซั่นที่แล้ว ในเกมเปิดฤดูกาลนัดถล่ม เวสต์แฮม 4-0 รวมถึง ซีซั่น 2016/17 ที่เจอกับเวสต์แฮม และจบลงด้วยสกอร์เดียวกัน

    การทัวร์อเมริกา เป็นโอกาสของคล็อปป์ในการเลือกใช้แผนการเล่น และเลือกใช้ผู้เล่นต่างๆว่าจะเข้ากับระบบไหน

    ข้อสรุปที่ครอบคลุมเรื่องนี้คือจะได้เห็นว่าผู้เล่นสามาถเล่นในระบบที่แตกต่างกันได้และระบบเยาวชนอันแข็งแกร่งที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกในทีมชุดใหญ่