โกล สื่อวงการลูกหนัง เผยว่าสาเหตุที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมปล่อยให้ อันเดร์ เอร์เรร่า ออกจากทีมแบบฟรีๆ นั้น เป็นเพราะอีกฝ่ายขอค่าเหนื่อยถึงสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์ โดยพวกเขากลัวว่าถ้ายอมให้ค่าเหนื่อยเจ้าตัวมากขนาดนั้นแล้วมันก็จะทำให้คนอื่นๆ ขอค่าเหนื่อยก้อนโตตามไปด้วย

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ อันเดร์ เอร์เรร่า กองกลางชาวสแปนิช เพราะเจ้าตัวขอค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 350,000 ปอนด์ (ประมาณ 14.35 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ ตามการเปิดเผยของ โกล สื่อแวดวงฟุตบอลรายหนึ่ง

    ในฤดูกาล 2018-19 เอร์เรร่า ทำผลงานได้โดดเด่นพอตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงแรกๆ ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาคุมทีม แต่สุดท้าย "ปีศาจแดง" ก็ไม่ต่อสัญญากับเขา จนทำให้แข้งวัย 29 ปี ไปเซ็นสัญญากับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

    ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น บอร์ดบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนตำหนิหนักพอตัวที่ปล่อยให้ เอร์เรร่า หมดสัญญา ทั้งที่เขาเป็นขวัญใจของแฟนบอลหลายคน พร้อมทั้งไปเลือกต่อสัญญากับนักเตะอย่าง ฟิล โจนส์ และ คริส สมอลลิ่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โกล เผยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องปล่อยอดีตแข้ง แอธเลติก บิลเบา เพราะอีกฝ่ายขอสัญญา 5 ปี พร้อมค่าเหนื่อยเพิ่มจากสัปดาห์ละราว 80,000 ปอนด์ (ประมาณ 3.28 ล้านบาท) ไปเป็นสูงถึง 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะได้ค่าเหนื่อยปีละราว 18 ล้านปอนด์ (ประมาณ 738 ล้านบาท) เลยทีเดียว

    ตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงกว่าที่ ปารีสฯ มอบให้ เอร์เรร่า เยอะมาก หลังจากเชื่อกันว่าเขาจะได้ค่าเหนื่อยกับ "เปแอสเช" ที่สัปดาห์ละ 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 8.20 ล้านบาท) โดย แมนฯ ยูไนเต็ด มองว่าถ้าพวกเขาให้ค่าเหนื่อย เอร์เรร่า เยอะขนาดนั้น มันก็อาจจะทำให้คนอื่นๆ ขอค่าเหนื่อยสูงตามไปด้วย จนจะส่งผลเสียกับสภาพการเงินของทีมได้

    เชื่อกันว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ เอร์เรร่า กล้าขอค่าเหนื่อยถึงระดับนั้น เป็นเพราะขนาด อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าชาวชิลีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังได้รับค่าเหนื่อยในเบื้องต้นสูงเป็นสถิติของลีกอังกฤษที่สัปดาห์ละ 390,000 ปอนด์ (ประมาณ 15.99 ล้านบาท) ได้เลย ทั้งที่ฟอร์มของเจ้าตัวย่ำแย่สุดๆ ซึ่งประเด็นค่าเหนื่อยก้อนโตของ ซานเชซ ก็เป็นสิ่งที่สร้างปัญหาให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในการเจรจาต่อสัญญาแข้งหลายคนของทีมมาโดยตลอด